สภาพอากาศภาคเหนือตอนบนในระยะนี้ กลางวันจะร้อนจัด และกลางคืนจะหนาว กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกคะน้าเฝ้าระวังการระบาดของ เพลี้ยอ่อนและหนอนใยผัก สามารถพบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของคะน้า
- เพลี้ยอ่อน จะพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอด ใบอ่อน และใบแก่ ทำให้ส่วนยอดและใบหงิกงอ เมื่อเพลี้ยอ่อนเพิ่มจำนวนมากขึ้นพืชจะเหี่ยว ใบที่ถูกทำลายจะมีสีเหลือง หากพบให้พ่นด้วยสารฆ่าแมลงอิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคาร์บาริล 85% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอีโทเฟนพร็อกซ์ 20% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- หนอนใยผัก มักพบตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่บนใบและใต้ใบพืชเป็นฟองเดี่ยวหรือกลุ่มเล็ก ส่วนใหญ่จะพบไข่ที่ใต้ใบพืช หนอนมีตัวเรียวยาว หัวแหลมท้ายแหลม ส่วนท้ายมีปุ่มยื่นออกเป็นสองแฉก เมื่อถูกตัวหนอนจะดิ้นอย่างแรง และสร้างใยพาตัวเองขึ้นลงระหว่างพื้นดินกับใบพืชได้ หนอนจะเข้าทำลายกัดกินผิวใบ ทำให้ใบผักเป็นรูพรุนคล้ายร่างแห จากนั้นหนอนจะชักใยบางๆ คลุมตัวไว้ติดอยู่กับใบพืชเพื่อเข้าดักแด้
วิธีปราบหนอนใยผักให้ชะงัก
ให้เกษตรกรใช้วิธีป้องกันกำจัดหนอนใยผักแบบผสมผสาน คือ การใช้วิธีกล การใช้ชีววิธี การใช้วิธีเขตกรรม และการใช้สารเคมี รายละเอียด ดังนี้
- การใช้วิธีกล แบบใช้กับดักกาวเหนียวสีเหลือง เป็นกับดักทรงกระบอก หรือกระป๋องน้ำมันเครื่องสีเหลืองทาด้วยกาวเหนียว ให้ติดตั้งกับดัก อัตรา 80 กับดักต่อไร่ โดยเฉลี่ยจับผีเสื้อหนอนใยผักได้ 16 ตัวต่อวันต่อกับดัก และเปลี่ยนกับดักทุก 7-10 วันครั้ง จะสามารถลดการใช้สารฆ่าแมลงได้มากกว่า 50% แบบใช้โรงเรือนตาข่ายไนล่อน หรือการปลูกผักกางมุ้ง ให้ปลูกผักในโรงเรือนที่คลุมด้วยตาข่ายไนล่อนขนาด 16 mesh (256 ช่องต่อตารางนิ้ว) จะสามารถป้องกันหนอนใยผักและหนอนผีเสื้อชนิดอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโรงเรือนตาข่ายไนล่อนต้องปิดมิดชิดตลอดเวลา เพื่อป้องกันผีเสื้อเพศเมียเล็ดลอดเข้าไปวางไข่ได้
- การใช้ชีววิธี ให้เกษตรกรใช้เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัสทูริงเยนซิส อัตรา 100-200 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ไม่ควรใช้ในแหล่งปลูกผักภาคกลาง ในช่วงที่ระบาดมากพิจารณาการใช้อัตราสูงและช่วงเวลาพ่นถี่ขึ้น หรือพ่นสลับกับสารเคมี
- วิธีเขตกรรม ให้ไถพรวนดินตากแดด หรือทำลายซากพืชอาหาร หรือปลูกพืชหมุนเวียน เพื่อลดการขยายพันธุ์และลดการระบาดอย่างต่อเนื่อง
- การใช้สารเคมี ให้พ่นด้วยสารฆ่าแมลงสไปนีโทแรม 12% เอสซี อัตรา 40-60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคลอร์ฟีนาเพอร์ 10% เอสซี อัตรา 40-60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอินดอกซาคาร์บ 15% อีซี อัตรา 40-60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 60-80 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารโทลเฟนไพแรด 16% อีซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
ข้อแนะนำกรณีใช้สารเคมี ควรพ่นสารสลับชนิดกัน และไม่พ่นสารชนิดเดียวเกิน 2-3 ครั้งต่อฤดู หากระบาดลดลงให้ใช้สารเคมีสลับกับการใช้ชีววิธี เนื่องจากหนอนใยผักสามารถสร้างความต้านทานต่อสารเคมีได้รวดเร็วและหลายชนิด ให้เกษตรกรพิจารณาเลือกใช้สารเคมีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัดหนอนใยผักไม่ให้เข้าทำลายผลผลิตให้เกิดความเสียหายได้ตามความเหมาะสม