ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว …การรวมตัวของชาติอาเซียน 10 ประเทศ จะช่วยสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน สร้างอำนาจต่อรองต่างๆ กับคู่ค้าชาติอื่นๆนอกอาเซียนได้มากขึ้น นักธุรกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ต่างศึกษาหาช่องทางการตลาดที่จะสามารถกระจายสินค้า สร้างความน่าสนใจของสินค้าให้เติบโตได้ในตลาดกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะตลาดในประเทศลาว ที่โอกาสเติบโตมีค่อนข้างสูง
คุณไชยกร นิธิคณาวุฒิ ประธานกรรมการบริษัท จินดาสมุนไพร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แชมพูและเซรั่มสมุนไพร จากใบหมี่สด ภายใต้แบรนด์ “จินดาสมุนไพร” หนึ่งในนักธุรกิจไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่การเปิดตลาดในอาเซียน…หลังได้รับการตอบรับจากตลาดในประเทศมาตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงต่างประเทศก็รู้จักบ้าง แต่โอกาสทางการค้าในต่างประเทศมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีข้อกำหนด มาตรฐานการส่งออกที่เคร่งครัด
แต่เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ AEC ตลาดเปิดกว้างมากขึ้น จินดาสมุนไพร จึงเตรียมรุกตลาดในอาเซียนอย่างเต็มที่ โดยได้ศึกษาความต้องการของผู้บริโภค พบว่า ตลาดสนใจคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เน้นเรื่องคุณภาพมาก่อน รองลงมาก็จะเป็นเรื่องราคา ที่กำหนดราคาขายไม่ให้สูงมากนัก และสินค้าประเภทสมุนไพร ก็เป็นอีกประเภทที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากการผลิตสินค้าจากสมุนไพรไทยได้มาตรฐาน คุณภาพดี ทำให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นตลอด
คุณคำเกิ่ง ทำมะวง ผู้อำนวยการกลุ่มดอกบัวคำ ผู้ประกอบการค้าส่ง-ปลีก ในตลาดเช้า นครหลวงเวียงจันทน์ และเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แชมพูและเซรั่มสมุนไพร จากใบหมี่สด ภายใต้แบรนด์ “ดอกบัวคำ บายจินดาสมุนไพร” บอกว่า ตลาดลาวเองตอนนี้มีความสนใจในผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของคุณภาพที่สามารถเห็นผลได้ และราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เนื่องจากตลาดลาวเองก็มีสินค้าจากประเทศจีน เวียดนาม กัมพูชา ที่เข้ามาตีตลาดแข่งกับไทยด้วย โดยเฉพาะสินค้าจากจีนมาแชร์ตลาดมากถึง 30% (สินค้าไทย 60% , อื่นๆ 10%) จากปีที่ผ่านมาธุรกิจในลาวมีบรรยากาศการลงทุนที่สูงมาก GDP สูงถึง 8-9 % เพิ่มขึ้นในทุกๆปี ระบบโครงสร้างพื้นฐานกำลังได้รับการพัฒนาให้เติบโตขึ้น เพื่อรองรับผู้คนที่เดินทางเข้ามาในลาวมากขึ้น การลงทุนในลาวต้องใช้ระยะการลงทุนที่ยาวนาน 5-10 ปี จึงจะมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า กลุ่มดอกบัวคำ เป็นร้านค้าส่ง-ปลีก สินค้าอุปโภคบริโภคประเภทบิวตี้และความงามจากต่างประเทศ ประมาณ 80% เป็นสินค้ามาจากประเทศไทย ที่เหลือมาจากจีนและเวียดนาม เมื่อเปิดตลาด AEC มีผลดีต่อการค้าขายในลาว ทำให้สินค้าบางอย่างที่ไม่สามารถนำเข้ามาในประเทศลาวได้ก็จะมีมากขึ้น รวมถึงนักลงทุนจะเดินทางเข้ามาง่ายขึ้นภายใต้กรอบการลงทุนที่รัฐบาลลาวสนับสนุนให้นักลงทุนชาวต่างชาติได้หันมาลงทุนในลาวเพิ่มขึ้น
“เมื่อเปิดตลาด AEC เป็นเรื่องดีของนักธุรกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs มีโอกาสได้เข้าไปลงทุนในตลาดอาเซียนมากขึ้น” นายคำเกิ่ง กล่าวในที่สุด