พอเอ่ยชื่อว่า “กล้วยหมูสัง” คนที่ไม่รู้จักอาจจะคิดว่าคงเป็นกล้วยชนิดหนึ่ง แต่ผิด…คนละเรื่องกันเลย คือกล้วยที่กำลังจะพูดถึงนี้เป็นไม้เลื้อย (คำว่าเลื้อย ปักษ์ใต้เรียกว่า “ย่าน”) แบบการะเวก แบบกระดังงา ฯลฯ เดิมนั้นชอบขึ้นในป่าละเมาะ หรือตามทุ่งนาชายป่า แต่มาบัดนี้ป่าหายาก ไม้ชนิดนี้ก็เลยถูกอัญเชิญมาปลูกตามบ้านเรือน เพราะมีคุณสมบัติหลายอย่างที่ถูกใจผู้คน….
ที่บ้านของ คุณประกอบ และคุณโสภา คงพูล 2 สามีภรรยาข้าราชการครูเกษียณ ณ บ้านเลขที่ 48 หมู่ 6 ต.ควนมะพร้าว อ.เมือง จ.พัทลุง ได้แบ่งพื้นที่รอบบ้านปลูกต้นไม้ที่เป็นพืชผลหลายอย่าง (ข้อมูลตรงนี้จะได้นำมาเสนอในอีกตอนหนึ่ง) หนึ่งในนั้นก็คือ “กล้วยหมูสัง” หรือทางปักษ์ใต้มักจะออกเสียงว่า “กล้วยมุดสัง” (อันนี้เข้าใจเองว่ามุดสังหรือชะมดเช็คคงชอบกินกระมัง จึงเรียกชื่ออย่างนี้) …ปลูกไว้ที่หน้าบ้านจำนวน 1 ต้น เมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยได้พันธุ์มาจาก ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง
ปลูกแค่ 1 ต้น…ฟังดูว่าน้อยมากๆ แต่จริงๆแล้วพอต้นกล้วยหมูสังตั้งตัวได้ก็แผ่กิ่งก้านไปได้ไกลมาก หากทำให้เป็นโรงเรือน เช่น ซุ้มการะเวกข้างถนนแบบกทม. คงเลื้อยไปได้หลายสิบเมตร มิน่าบ้านเศรษฐีหลายคนจึงนิยมนำมาปลูกเป็นร่มเงาที่จอดรถ
เหตุผลที่คุณประกอบเลือกปลูกกล้วยหมูสังไว้ที่หน้าบ้าน เพราะต้องการให้เป็นไม้ประดับ ใครไปใครมาก็จะได้เห็นได้ชมเชย เพราะเวลาออกดอกจะสวยงามมาก “ดอกมีสีแดงถึงแดงเข้มแกมสีเหลืองอ่อนที่โคนกลีบและมีกลิ่นหอมอ่อนด้วย ใครไปใครมาก็ชอบกัน” (เรื่องดอกนี้ ที่ตรงกลางตูมๆ บางคนบอกว่าคล้ายนมควาย จึงมักเรียกว่า “ย่านนมควาย” อีกชื่อหนึ่ง)
เวลาออกดอกทีหนึ่งก็บานอยู่หลายวัน ในระหว่างนั้นบรรดาผึ้งหรือแมลงที่เป็นมิตรต่างๆมักมาวนเวียน ดูเป็นธรรมชาติ และใช้เวลาจากดอกมาเป็นผลประมาณ 1 เดือน ผลก็ค่อยๆเติบโต ออกผลเป็นกลุ่มหรือช่อหรือเป็นพวง ลักษณะผลคล้ายกล้วย (ตรงนี้ก็เลยเรียกว่า “กล้วย”) ช่วงที่ผลยังไม่สุกมีสีเขียวเข้ม ราว 2 เดือน ผลก็เริ่มสุก เมื่อสุกเต็มที่ก็จะมีสีเหลืองอร่าม (อมส้ม)
“ช่วงที่ผลสุกเป็นอีกช่วงหนึ่งที่สวยงามน่าชมมาก” คุณประกอบ บอกด้วยความภูมิใจ
ในวันที่ผู้เขียนได้ไปเยือนเป็นวันที่กล้วยหมูสังช่อหนึ่งกำลังสุกเหลืองได้ที่ (ออกดอกและผลในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน และพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม) คุณประกอบได้เชิญชวนคณะผู้มาเยือนตรงไปที่ต้นกล้วยหมูสัง ชี้ไปที่พวงหนึ่ง…. “สวยจัง” “สวยมาก” “จะตัดเหรอ” เสียงของหลายคนอุทานออกมาพร้อมๆกัน ไม่ทันที่จะพูดต่อไปเป็นอื่น ต่างคนก็จดจ่อไปที่พวงสีเหลือง…คุณประกอบค่อยๆโน้มกิ่งลงมา และแล้วปลายกรรไกรที่ไว้ตัดแต่งกิ่งไม้ก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอีกครั้ง เสียงตัดดัง “ฉับ” ต่างก็ช่วยกันรับไว้ ตอนแรกนั้นก็เสียดายที่ต้องตัด แต่เมื่อกล้วยหมูสังได้มาอยู่ในมือคนแล้วคนเล่า ความดีอกดีใจก็บังเกิดขึ้น ดูว่าจะลดเลือนความเสียดายไปได้หมด โดยเฉพาะบรรดาลูกหลานที่เป็นคนรุ่นใหม่แทบไม่ได้เห็นไม่ได้สัมผัสมาก่อนเลย
“ผลสุกนี้กินได้นะ หวานดี ลองชิมดูสิ” คุณประกอบเชิญชวนให้ชิมกัน…มิน่ามีอยู่ผลหนึ่งที่ถูกแย่งชิมไปตั้งแต่อยู่บนต้น เข้าใจว่าคงเป็นกระรอก กระแต ที่เฝ้ารออยู่นาน แต่บัดนี้คงเสียดายว่า ไม่ได้แอ้มสียแล้ว
ในการชิมนั้น ยังไม่ได้รสมากนัก เนื่องจากผลยังไม่สุกเต็มที่ จะต้องปล่อยให้นิ่มกว่านี้อีกหน่อย อาจจะทิ้งไว้สัก 2-3 วัน ในผลนั้นมีเมล็ดอยู่เป็นจำนวนมาก คุณประกอบอธิบายว่าเวลาสัตว์กินเข้าไปก็จะไปถ่ายไว้ตามที่ต่างๆ ตรงไหนมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็จะงอกขึ้นมา
“แต่วันนี้หาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมยากแล้ว สัตว์ที่จะมาช่วยกระจายพันธุ์ก็เหลือน้อย คนเท่านั้นที่จะช่วยขยายพันธุ์ได้”
นอกจากจะการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ยังมีวิธีปักชำกิ่ง และวิธีการตอนกิ่ง ซึ่งเวลานี้เป็นที่นิยม มีร้านไม้ประดับหลายแห่งขยายพันธุ์ขาย รวมทั้งขายในอินเตอร์เน็ต
วิธีปลูกก็ไม่ยุ่งยาก เนื่องจากเป็นไม้ประจำถิ่นไทย ที่ชอบร้อน ชอบแดด ชอบดินร่วน ชอบน้ำปานกลาง “หากว่าสนใจมาเที่ยวหน้าจะขยายพันธุ์ไว้ให้สักต้น” คุณประกอบ บอกกับผู้มาเยือน
นี่ละครับ ที่เขาบอกว่าต้นไม้สามารถสร้างความสุขได้ สุขทั้งผู้ปลูกที่เป็นเจ้าของบ้าน และสุขทั้งผู้มาเยือน…กล้วยหมูสัง จึงสร้างสุข ด้วยประการฉะนี้
(ข้อมูล : คุณประกอบ คงพูล โทร. 089 7350630 : ข้อมูลด้านวิชาการ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากหนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 7 หรือเว็บไซต์ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์)