มะละกอแพงสุดในรอบ 20 ปี...มาวางแผนปลูกให้เก็บได้ช่วงแพงกันดีกว่า (เผย 3 แผนเด็ดปลูกให้รวย)
มะละกอ ปลูกอย่างไรให้รวย? (พบกับการสัมมนา...วันเสาร์ที่ 24 ก.ย. 2559 ณ อาคารวิทยบริการ ชั้น 4 ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน)

เรื่องและภาพโดย : หนึ่งฤทัย แพรสีทอง

นับเป็นเรื่องปกติที่มะละกอจะเริ่มมีผลผลิตน้อยและขาดตลาดในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค.ของทุกปี ใครมีมะละกอที่มีผลผลิตให้เก็บในช่วงนี้ก็เรียกว่ารับทรัพย์กันเลยทีเดียว และปีนี้ต้องบอกว่าราคามะละกอในช่วงแพงพุ่งสูงสุดในรอบ 20 ปีเลยก็ว่าได้ เพราะราคารับซื้อหน้าสวนสูงถึง 45-50 บาท/กก. ราคาขายที่ตลาดขายส่ง ตลาดไท 70-80 บาท/กก. ตลาดขายปลีก 80-90 บาท/กก.เลยทีเดียว เชื่อว่าใครเห็นมะละกอราคานี้ คงอยากปลูกกันเป็นแน่…

“ มะละกอ 1 คันรถ 3 ตัน ชาวสวนรับเงินแสนกันสบายๆไปเลย เก็บมะละกอ 10 เที่ยว รับเงินล้านกันเห็นๆ นี่ไม่ใช่ข้อมูลที่เกินจริงค่ะ แต่เป็นข้อมูลที่คนทำสวนมะละกอสัมผัสกันมาแล้วทั้งนั้น ราคาที่ค่อนข้างสูงในช่วงดังกล่าว จึงจูงใจให้ชาวสวนต่างก็อยากปลูกมะละกอให้เก็บได้ในช่วงนี้”

มะละกอจากสวนกำลังจะถูกส่งไปยังตลาด
มะละกอจากสวนกำลังจะถูกส่งไปยังตลาด

3 เหตุผลที่มะละกอแพง

ก่อนอื่นมาดูเงื่อนไขกันก่อนว่า ทำไมมะละกอในช่วงดังกล่าวจึงมีผลผลิตน้อยทุกปี เพื่อที่จะนำไปสู่การวางแผนปลูกมะละกอให้เก็บผลผลิตได้ในช่วงที่มีราคาแพงกัน

1.มะละกอที่จะเก็บได้ในช่วง ส.ค.-ต.ค. ต้องเป็นมะละกอที่จะต้องออกดอกในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างร้อนจัด ดังนั้นช่วงนี้โอกาสที่ดอกมะละกอที่ออกช่วงนี้จะร่วงจึงมีโอกาสสูงมาก จึงทำให้มะละกอติดผลน้อยในช่วงดังกล่าว

2.สภาพแวดล้อมของอุณหภูมิและความชื้นของอากาศยังมีผลต่อการออกดอกของมะละกอ  มะละกอในบางพื้นที่ที่มีสภาวะเหมาะสมที่จะทำให้มะละกอออกดอกได้ ก็มีโอกาสที่ดอกสมบูรณ์เพศจากมะละกอต้นกระเทยจะเปลี่ยนไปเป็นดอกตัวเมียซึ่งให้ผลกลมอันเป็นลักษณะที่ตลาดไม่ต้องการได้อีกด้วย

3.สภาพความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในช่วงดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของมะละกอ การขาดน้ำในช่วงออกดอกทำให้ดอกร่วง แต่การขาดน้ำในช่วงติดผลทำให้การพัฒนาของผลไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร สิ่งที่แสดงออกมาเมื่อมะละกอได้รับน้ำไม่เพียงพอก็คือ ผลมีขนาดเล็ก ผิวมะละกอหยาบกระด้าง มะละกอแสดงอาการผิวเหี่ยวย่นหลังจากเก็บทิ้งไว้หนึ่งคืน เป็นต้น

การวางแผนปลูกมะละกอให้รวยไม่ยาก แต่ก็ต้องมีความรู้ในการจัดการ
การวางแผนปลูกมะละกอให้รวยไม่ยาก แต่ก็ต้องมีความรู้ในการจัดการ

เผย 3 แผนเด็ด…ปลูกมะละกอให้รวย

คราวนี้มาวางแผนเพื่อเตรียมการปลูกมะละกอให้มีผลผลิตเก็บในช่วงราคาแพงกัน

1.กำหนดช่วงเวลาการปลูกให้มีผลผลิตเก็บในช่วงนั้น โดยการนับย้อนไป 8 เดือนแล้วจึงปลูก นั่นก็หมายความว่า ถ้าจะให้เก็บได้ช่วง ส.ค.-ก.ย.ก็ต้องปลูกประมาณ พ.ย.-ธ.ค.ค่ะ ซึ่งมะละกอที่จะเก็บช่วงนี้ได้ต้องเป็นมะกอที่จะออกดอกช่วง มี.ค.-เม.ย.ซึ่งอากาศร้อนมาก มะกอจะมีปัญหาดอกร่วงเยอะ บางพื้นที่ที่ร้อนมากจะไม่ติดดอกเลย ดอกจะร่วงหมด ดังนั้นพื้นที่ปลูกที่มีความชื้นสูงไม่ร้อนมากจะค่อนข้างได้เปรียบเพราะแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มก็สามารถทำให้มะละกอออกดอกและเก็บขายได้ช่วงแพงได้ ส่วนพื้นที่ที่ร้อนมากต่อให้คุณนับวันปลูกเพื่อให้เก็บได้ในช่วงแพงก็จะไม่ได้เก็บอยู่ดี เพราะดอกมะละกอที่ออกมาเจอสภาวะอากาศร้อนจะร่วงหมด แทนที่มะละกอจะไปเก็บได้ช่วง 8 เดือน ก็อาจจะเลื่อนไปเก็บได้ในเดือนที่ 10 หรือ 11 ได้

สำหรับในพื้นที่ที่ไม่มีความได้เปรียบในเรื่องของพื้นที่จะทำอย่างไรให้มีมะละกอเก็บได้ในช่วงแพงมาก อาจไม่มากแต่ก็ขอให้ได้บ้าง ก็สามารถทำได้โดยเลื่อนเวลาปลูกให้เร็วขึ้นเพื่อให้ออกดอกในช่วงที่ไม่ร้อนเกินไป อาจจะเลื่อนมาปลูกช่วง ก.ย.-ต.ค.หรือ พ.ย.ก็ยังพอไหว เพื่อให้มะละกออกดอกก่อนฤดูร้อน โดยมะกอจะเริ่มออกดอกหลังปลูกประมาณ 3 เดือน หรือบางสวนอาจจะ 2 เดือนกว่าๆ ถ้าต้นสมบูรณ์มากๆ  เพราะยังไงหลังจากเก็บมะละกอแล้วมะละกอจะสามารถเก็บได้นาน 4 เดือนขึ้นไป อาจจะถึง 6 เดือนหรือ 7 เดือนก็ได้ ขึ้นกับความดก ยังไงคุณก็จะมีมะละกอเก็บได้ช่วงแพงบางส่วนแน่นอน

2.การสร้างสภาวะอากาศให้เหมาะกับการออกดอกติดผลของมะละกอในช่วงร้อน อันนี้ต้องยอมรับว่าในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำดีและอากาศไม่ร้อนมาก อย่างภาคเหนือแถบเชียงราย แม่สอด หรือภาคตะวันออกอย่างเขตจันทบุรี ระยอง รวมทั้งพื้นที่ทางภาคใต้ จึงนับว่าค่อนข้างได้เปรียบเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศที่ไม่ร้อนมาก ความชื้นในอากาศสูง โดยที่ชาวสวนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแต่ใช้วิธีนับย้อนช่วงเวลาการปลูกไปให้ผลผลิตออกมาในช่วงแพงก็สามารถมีมะละกอเก็บได้แล้ว แต่ในพื้นที่ที่ไม่มีความได้เปรียบของสภาวะดังกล่าวเราก็สามารถสร้างสภาวะที่เหมาะสมต่อการออกดอกของมะละกอได้โดยการเพิ่มความชื้นในอากาศ ลดความร้อนของอากาศลงโดยติดตั้งสปริงเกลอร์ในแปลง โดยให้มีระดับความสูงของสปริงเกลอร์ในตำแหน่งที่มะละกอออกดอกติดผลหรือสูงประมาณ 1.5-2 เมตร แม้จะทำให้มะละกอติดผลไม่มากเหมือนในเขตพื้นที่ที่ได้เปรียบเรื่องอากาศแต่ก็ยังไงก็จะมีผลผลิตให้ได้เก็บอย่างแน่นอนมากหรือน้อยเท่านั้นเอง

3.การจัดการธาตุอาหารเพื่อส่งเสริมการออกดอกติดผล โดยสามารถใส่ปุ๋ยทางดินสูตรตัวท้ายสูง ร่วมกับการพ่นปุ๋ยเกร็ดทางใบที่มีสูตรตัวท้ายสูง รวมทั้งการใช้ธาตุอาหารรองที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการออกดอกโดยเฉพาะแคลเซียม-โบรอนซึ่งจะช่วยสร้างความสมบูรณ์ของดอก สร้างความแข็งแรงของเกสร ทำให้ระยะเวลาการบานของดอกตัวเมียที่ยาวนานขึ้น โอกาสที่จะเกิดการผสมของเกสรตัวผู้กับตัวเมียมีมากขึ้นก็จะทำให้การออกดอกติดผลเพิ่มขึ้นได้

หลังจากหมดช่วงแพงก็จะมีมะละกอทะลักออกมาสู่ท้องตลาดอย่างมากมายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.จนอาจทำให้ปริมาณผลผลิตออกมาเกินความต้องการของตลาดหรือล้นตลาดได้ นั่นเพราะส่วนหนึ่งมาจากมะละกอที่ชาวสวนนิยมปลูกกันช่วงฝนเพราะต้องการประหยัดน้ำรดหรือไม่ต้องการรดน้ำในช่วงแรกที่มะละกอเจริญเติบโต กับอีกส่วนคือมะละกอที่สวนวางแผนปลูกให้เก็บผลผลิตช่วงแพง คือ หลังปลูก 8 เดือนอย่างที่บอก แต่ด้วยสภาพพื้นที่ที่ไม่อำนวยก็จะทำให้ดอกที่ออกช่วงแล้งร่วงหมดประมาณ 2 เดือนที่อากาศร้อน และมาติดดอกชุดใหม่ในช่วงเริ่มเข้าฝน แทนที่มะละกอจะเริ่มเก็บตอน 8 เดือน ก็จะมาเริ่มเก็บตอน 10-11 เดือน ชนกับมะละกอที่ปลูกช่วงต้นฝน ซึ่งก็อาจทำให้มีปัญหาด้านราคาได้

อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์ของผู้เขียน ตลาดมะละกอสุกเติบโตขึ้นมากจากความนิยมของผู้บริโภคเนื่องจากมะละกอมีรสชาติที่อร่อย อีกทั้งยังเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ ตลาดจึงมีความต้องการสูง ขณะที่หลายพื้นที่ที่เคยเป็นแหล่งปลูกมะละกอมานานเกิดการสะสมและระบาดของโรคไวรัสวงจุดแหวน จึงทำให้ผลผลิตมะละกอไม่เพียงพอกับความต้องการและมีราคาสูงมาตลอดช่วง 2-3 ปีมานี้ และเป็นพืชที่น่าสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมาก ราคามะละกอในช่วงปกติจะอยู่ประมาณ 15-20 บาท/กก. ขณะที่ต้นทุนการผลิตไม่สูงมากหรือประมาณ 5-6 บาท/กก. จึงนับว่าเป็นโอกาสสำหรับคนที่มองหาพืชที่มีผลตอบแทนที่ดี ต้นทุนไม่สูง โดยมะละกอมีต้นทุนอยู่ที่ 15,000-20,000 บาท/ไร่ นับจากปลูกจนถึงเริ่มเก็บเกี่ยว คือ 8 เดือน ซึ่งหลังจากได้เก็บผลผลิตแล้ว มะละกอจะสามารถเก็บผลผลิตได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง พื้นที่ 10 ไร่ จะเก็บได้ประมาณ 2,500-3,000 กก.ต่อรอบ

สรุปว่า ปลูกมะละกอคุ้มค่าต่อการลงทุน หากวางแผนการจัดการได้ดีมีสิทธิ์รวยได้ค่ะ

พบกับคุณหนึ่งฤทัย แพรสีทอง ได้ในงามสัมมนามะละกอเงินล้าน
คุณหนึ่งฤทัย แพรสีทอง (คนขวา) และน้อง ที่ผันตัวเองมาเป็นแม่ค้ามะละกออีกช่องทางหนึ่ง…พบกับเธอได้ในงานสัมมนามะละกอเงินล้าน

สัมมนา…มะละกอเงินล้าน ปลูกอย่างไรให้รวย?

สำหรับใครที่สนใจพืชชนิดนี้ สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย จะจัดสัมมนา “มะละกอ…พืชเงินล้าน…ปลูกอย่างไรให้รวย” ในวันเสาร์ที่ 24 ก.ย. 2559 ณ อาคารวิทยบริการ ชั้น 4  ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน พบกับข้อมูลทั้งการปลูกและการตลาด จากนักวิชาการ ชาวสวนที่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งแม่ค้าที่รับซื้อ ค่าสัมมนา 1,000 บาท รับหนังสือคู่มือการปลูกมะละกอ 1 เล่ม พร้อมอาหารกลางวัน เบรค 2 มื้อ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 089-7835887(หนึ่ง) 086-3401713 (ตา) 085-0745055 (จอย) หรือ 02-9405425-6  ลงทะเบียนโอนเงินเข้าบัญชี สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ 0437123524

เกี่ยวกับผู้เขียน : คุณหนึ่งฤทัย แพรสีทอง เป็นสื่อมวลชนที่เกาะติดในเรื่องมะละกอมาอย่างยาวนาน และในชีวิตจริงเธอก็ทำธุรกิจซื้อขายมะละกออยู่ที่ตลาดไท…ท่านผู้อ่านที่สนใจจะปลูกมะละกอจึงไม่ควรพลาดที่จะเข้าร่วมสัมมนามะละกอเงินล้าน ซึ่งคุณหนึ่งฤทัย ในฐานะกรรมการสมาคมสื่อมวลชนเกษตรฯ ได้จัดขึ้นในครั้งนี้

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated