มันมากับฝนอีกแล้ว....โรคราดำในฝรั่งระยะติดผล แก้อย่างไรให้ได้ผลดี
ฝรั่งในระยะติดผลจะต้องดูแลเป็นพิเศษ ไม่นั้นแล้วโรคราดำจะได้ใจ เข้าโจมตีได้

กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรชาวสวนฝรั่ง พึงระวังอากาศร้อนชื้นและฝนตกหนักในระยะนี้ อาจจะเกิดโรคราดำจากเชื้อรา มักพบได้ในระยะที่ฝรั่งเริ่มติดผล เริ่มแรกจะพบคราบราดำเหนียวติดตามส่วนต่างๆ ของต้นฝรั่ง เช่น ใบ ยอด ช่อดอก หรือผล ทำให้บดบังการรับแสง หากพบแสดงอาการที่ช่อดอก จะส่งผลต่อการผสมเกสรทำให้ไม่ติดผล ดอกออกน้อย ดอกบานช้า ดอกบานผิดปกติ ดอกเหี่ยว และหลุดร่วงลงได้ กรณีพบแสดงอาการที่ผล อาจทำให้ผลสุกช้า สีผลไม่สม่ำเสมอ ผลเหี่ยว และหลุดร่วง

การจัดการสวนฝรั่งให้ปลอดโรค
การจัดการดูแลสวนฝรั่งให้ปลอดโรคเป็นเรื่องที่เกษตรกรทำได้ (ภาพนี้สวนฝรั่งวราภรณ์ บ้านแพ้ว)

 

วิธีแก้ไขโรคราดำในฝรั่ง

สำหรับแนวทางในการป้องกันโรคราดำ มักพบเชื้อราเจริญบนสารเหนียวที่แมลงปากดูดขับถ่ายไว้ใน ช่วงที่มีการระบาด โดยเฉพาะเพลี้ยจักจั่น เพลี้ยหอย และเพลี้ยแป้ง หากพบโรคให้เกษตรกรพ่นด้วยน้ำเปล่า ล้างคราบราดำที่ติดตามส่วนต่างๆ ของต้นฝรั่งในระยะแทงช่อดอกออก เพื่อลดปริมาณเชื้อ จากนั้นควรพ่นตามด้วยสารกำจัดแมลง หากพบเพลี้ยจักจั่น พ่นด้วยสารกำจัดแมลงแลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% อีซี อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ส่วนของเพลี้ยหอย พ่นด้วยสารกำจัดแมลงมาลาไทออน 83% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร และเพลี้ยแป้ง ให้พ่นด้วยสารกำจัดแมลงมาลาไทออน 83% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารไทอะมีทอกแซม 25% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 2.5 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ไม่ควรพ่นสารในช่วงที่ดอกฝรั่งบานหรือเริ่มติดผลอ่อน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อแมลงช่วยผสมเกสร และควรหยุดพ่นอย่างน้อย 7 วันก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated