เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เกี่ยวกับการจัดพื้นที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและมีชีวิตอย่างยั่งยืน โดยมีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วน ๆ ได้แก่ พื้นที่น้ำ พื้นที่ดินเพื่อเป็นที่นาปลูกข้าว พื้นที่ดินสำหรับปลูกพืชไร่นานาพันธุ์ และที่สำหรับอยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ ในอัตราส่วน 3:3:3:1
ตามแนวพระราชดำรินี้ ได้มีตัวอย่างโครงการต่างๆ เกิดขึ้นมากมายทั่วประเทศ ตัวอย่างเช่นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดย “ผู้ว่าหัวใจเกษตร” คุณศักดิ์ สมบุญโต ได้มีนโยบายในเรื่องนี้อย่างชัดเจน
“ใครเดินตามในหลวงจะรอด” ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี บอกกับเกษตรกรที่มาฟังบรรยายการทำเกษตรสมัยใหม่เมื่อเช้าวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา
ผู้ว่าฯ ศักดิ์ ได้ยกตัวอย่างในปี 2540 ที่ประเทศไทยประสบปัญหาวิฤกตเศรษฐกิจ แต่เราก็รอดพ้นมาได้ด้วยแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่และการดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับประเทศไทย ดังนั้นตนจึงมีนโยบายให้มีการขยายผลเกษตรทฤษฎีใหม่ไปทุกหมู่บ้าน
ณ บ้านหนองสามพราน ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี…บนพื้นที่ราว 20 ไร่ ที่เคยเป็นไร่อ้อยบัดนี้ได้แปลงสภาพเป็นแปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยมีผู้ใหญ่พิเชษฐ์ เจริญพร แห่งหมู่ 9 ทำหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อน ซึ่งได้เริ่มต้นโครงการขึ้นเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2559
“ผู้ว่าฯ ศักดิ์ สมบุญโต ท่านเน้นเรื่องนี้มาก บอกว่าต้องทำให้เป็นตัวอย่างเป็นที่ศึกษาเรียนรู้ให้กับเกษตรกรและผู้สนใจให้ได้” ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ ยืนยัน
โดยที่ทางเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งปัจจุบันมีคุณมนตรี เชื้อใจ รักษาการแทนได้มาช่วยให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างเต็มที่
งานพลิกฟื้นพื้นที่ได้ดำเนินไปตามขั้นตอน ผู้ใหญ่ได้แบ่งพื้นที่เป็นตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ เพียงแต่ไม่สามารถปลูกข้าวได้ เพราะพื้นที่มีน้ำน้อย คือทำสวนไม้ผลรวมกับพืชผัก 30 % ฟาร์มเลี้ยงสัตว์และปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ 30% แหล่งน้ำ 30% และอาคารที่พักรวมทั้งสถานที่บรรยาย 10%
สวนไม้ผลที่ว่า ประกอบด้วย ทุเรียน เงาะ ขนุน มะพร้าวน้ำหอม ลำไย มะม่วง ฝรั่งกิมจู กล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า มะละกอ ฯลฯ “ไม้ผลนี้เราตั้งใจจะให้เป็นรายได้เป็นรายปี” ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ ให้ข้อมูล
ส่วนพืชผัก เช่น ข้าวโพดหวาน มะเขือเทศราชินี ฯลฯ โดยเฉพาะมะเขือนั้นในวันที่ไปดูงานกำลังให้ผลผลิตเป็นพันธุ์กินสดที่ได้สนับสนุนจากเจียะไต๋ฟาร์ม “เจียไต๋ อยู่ในพื้นที่หมู่ 9 ของผม เขาเป็นลูกบ้านของผมเองครับ” ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ พุดคุยอย่างอารมณ์ดี และบอกว่าในส่วนนี้จะให้มีรายได้เป็นรายเดือน
ด้านการเลี้ยงสัตว์ ได้เลี้ยงไก่ไข่ จำนวน 225 ตัว เป็ดไข่ 220 ตัว ไก่ไทย 20 แม่ และยังมีหมูหลุม 20 ตัว รวมทั้งได้สร้างโรงเรือนไว้เลี้ยงกบอีกด้วย “เวลานี้ที่ได้ผลผลิตได้ขายแล้วคือ ไข่ไก่ และไข่เป็ด” และบอกว่าส่วนนี้จะมีรายได้เป็นรายวัน เพราะขายไข่ได้ทุกวัน “แถมยังขายขี้ไก่ ขี้เป็ด และขี้หมู เป็นรายได้รายเดือนอีกด้วย” ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ ให้ข้อมูล
ส่วนการเลี้ยงปลา ได้ขุดบ่อน้ำขนาด 3 ไร่ นอกจากจะเป็นแหล่งเก็บน้ำเพื่อใช้ในแปลงเกษตรแล้ว ยังใช้เลี้ยงปลากินพืชหลายชนิด เช่น ปลากดเหลือง ปลากดคัง ปลายี่สก ปลาบึก ฯลฯ
“ปลาเราปล่อยชนิดละประมาณ 2,500 ตัว ยกเว้นปลาบึกมีน้อยหน่อยประมาณ 50 ตัว”
นอกจากนี้ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ ยังได้แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นแปลงปลูกหญ้าเนเปียร์ “เราไม่ได้ปลูกข้าว เพราะน้ำตรงนี้หายาก จึงเปลี่ยนพื้นที่มาปลูกหญ้าแทน ซึ่งใช้น้ำน้อยกว่า” เนื่องจากในพื้นที่มีการเลี้ยงโคนมกันมาก และหญ้าไม่พอเพียง
“คาดว่าความต้องการหญ้าเนเปียร์ประมาณ 200 ไร่ จึงจะพอเพียง แต่ตอนนี้ในกลุ่มของเราปลูกได้เพียงประมาณ 80 ไร่เท่านั้น”
ทั้งหลายทั้งหมด ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ บอกว่าแปลงเกษตรที่ได้จัดทำขึ้นนั้น เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งต่อไปอาจจะมีหลายศูนย์ แต่ทีนี่บ้านหนองสามพรานได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“อนาคตเราหวังว่าที่ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ ไม่เพียงแต่จะได้เรียนรู้เรื่องการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ แต่จะทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรที่สำคัญของจังหวัด ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งของผู้ว่าฯ ศักดิ์ สมบุญโต ที่ต้องการจะเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติกับแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรที่ชาวบ้านได้สร้างขึ้น…ผมมั่นใจว่าจะเกิดผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน” ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ ยืนยันหนักแน่น
กล่าวสำหรับผู้ใหญ่พิเชษฐ์ ได้ชื่อว่าเป็นเกษตรกรโดยสายเลือด สืบทอดอาชีพจากเกษตรจากพ่อแม่ แถมเรียนจบด้านสัตวศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกษตรแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ และในอาชีพจริงก็ปลูกอ้อย 500 ไร่ เลี้ยงโคนมจำนวนหนึ่ง (เป็นประธานสหกรณ์โคนมกาญจนบุรี จำกัด อีกด้วย) และเลี้ยงหมูประมาณ 4,000 ตัว ถือว่าเป็นฟาร์มหมูที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดก็ว่าได้ (เจริญพรฟาร์ม) จึงหมายมั่นปั้นมือกับโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างที่สุด
“ผมเคยปลูกอ้อยมาหลายร้อยไร่ เลี้ยงหมูมาหลายพันตัว ก็ไม่มีความสุขใจเท่ากับการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ได้มีโอกาสพบปะผู้คนตั้งแต่ระดับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดลงมา รวมทั้งได้พบเพื่อนเกษตรกรและชาวบ้านมากมาย โดยเฉพาะเกษตรกรหรือชาวบ้านที่เขามาทำตามแบบของเรา เช่นคุณยายที่อยู่ติดกับแปลงเกษตรของเราได้มาปลูกมะละกอเหมือนกับเรา ทำให้รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่คนอื่นสามารถทำตามได้” ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ กล่าวในที่สุด
ต้องการพูดคุยกับผู้ใหญ่พิเชษฐ์ หรือเยี่ยมชมโครงการ ซึ่งตอนนี้อาจจะยังไม่สมบูรณ์หรือสวยงามเต็มที่ แต่ก็สามารถให้ศึกษาดูงานได้แล้ว โทร. 081 425 1163
หมายเหตุ : การนำเสนอในตอนนี้เป็นภาพรวม และท่านที่ต้องการจะติดตามเฉพาะเรื่อง ทั้งการปลูกพืช เช่น มะละกอ มะขือเทศ หญ้าเนเปียร์ ฯลฯ รวมทั้งการเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ไข่ เป็ดไข่ ฯลฯ ทาง “เกษตรก้าวไกล” จะได้นำมาเสนอในโอกาสต่อไป
ขอบคุณ : บริษัท วีเอ็นยู เอ็กซิบิชั่นส์ เอเซีย แปซิฟิค จำกัด ซึ่งได้นำคณะสื่อมวลชนเกษตรมาเยี่ยมชม โดยความร่วมมือของวารสารเคหการเกษตร และเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี …โดยบริษัท วีเอ็นยูฯ ได้มาเชิญชวนเกษตรกร จ.กาญจนบุรี ให้ไปร่วมงาน “ฮอร์ติ เอเซีย 2017” งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพืชพรรณ ผัก ผลไม้ ดอกไม้ และกล้วยไม้แห่งเอเซีย ซึ่งจะจัดระหว่างวันที่ 15-17 มีนาคม 2560 ณ ไบเทคบางนา กรุงเทพฯ รายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของงานนี้ติดตามได้ที่ www.horti-asia.com