การจัดประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2559 สรรหาเกษตรกรต้นแบบ เน้นการทำเกษตรแบบครบวงจร ‘จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ dtac ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร และมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 8 ติดต่อกันแล้ว โดยครั้งล่าสุดได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา
โดยเฉพาะปีนี้ได้น้อมนำพระราชดำริเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง และการเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการสรรหาเกษตรกรที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร สร้างประโยชน์หรือผลเชิงบวกแก่การทำเกษตรกรรม …
มาดูกันว่าเกษตรกรจำนวน 3 คน ที่ได้รับคัดเลือกในปีนี้ที่ว่ากันว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจ “เกษตรดิจิทัล” …เป็นใครบ้าง?
เริ่มกันที่คนแรก ผู้คว้ารางวัลชนะเลิศนามว่า “อายุ จือปา” ได้ชื่อว่าเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่ปรับตัวไปพร้อมกับธรรมชาติและเทคโนโลยี สร้างธุรกิจสู่ความยั่งยืนได้จริง
คุณอายุ เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์กาแฟคุณภาพดีแบรนด์ ‘อาข่า อ่ามา’ เกิดและเติบโตในชนเผ่าอาข่า ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานที่อยู่ ที่ทำกิน ความรู้ และอนาคตที่ดีให้ จากการริเริ่มปลูกพืชผัก ผลไม้เมืองหนาว ชา กาแฟ ที่เป็นพันธุ์พระราชทาน มาสู่การสร้างเครือข่ายส่งเสริมให้ชาวบ้านผลิตกาแฟ พัฒนาสายพันธุ์ให้ดีขึ้น และมีส่วนผลักดันให้กาแฟจากชุมชนบ้านแม่จันใต้ผงาดขึ้นเวทีโลกได้อย่างไม่อายใคร ปัจจุบันเขาดูแลกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ จากวิธีการปลูก การใช้น้ำ การตาก การเก็บ กลางน้ำ คือ การแปรรูป และทำบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงปลายน้ำ คือ การจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยการทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบออนไลน์
คนที่สอง เจ้าของรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 นามว่า “พงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์” เกษตรกรจากจังหวัดมหาสารคาม ผู้หยิบยกปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการทำฟาร์มผักออร์แกนิก “แก้วพะเนาว์ ยัง สมาร์ท ฟาร์เมอร์” ปฏิวัติแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่หันหลังให้อาชีพเกษตรกร นำประสบการณ์ของนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศอิสราเอล เริ่มจากการปรับสภาพดิน บริหารจัดการน้ำ และปรับระบบนิเวศ จนสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติของพ่อแม่และชาวบ้านที่เคยมองว่าอาชีพนี้ลำบาก
คนที่สาม รองชนะเลิศอันดับ 2 เป็นผู้หญิงเก่งนามว่า “ศิริวิมล กิตะพาณิชย์” เกษตรกรจากจังหวัดเชียงราย ปลูกข้าวและผักอินทรีย์ แบรนด์ “ไร่รื่นรมย์” ใช้นวัตกรรมพลังงานทางเลือก จัดสรรพื้นที่และแปลงปลูกอย่างเป็นระบบ มีกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ มุ่งเดินหน้าทำเกษตรครบวงจร เพื่อเป็นแบบอย่างของการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับชาวบ้านและผืนแผ่นดินไทย
ได้รู้ประวัติชีวิตของแต่ละคนแล้ว ก็ต้องยอมรับว่ามีคุณสมบัติที่เจ๋งจริง น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่อีกหลายคนที่ใฝ่ฝันอยากทำอาชีพการเกษตรที่เวลานี้ต่อยอดเป็นธุรกิจส่วนตัวได้สบายๆ
เอาละ มาฟังความคิดเห็นของผู้จัดบ้างว่า มุ่งหวังในโครงการนี้อย่างไร?
เริ่มกันที่คุณลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ dtac บอกว่า หนึ่งในเป้าหมายหลักของดีแทคคือ การนำเทคโนโลยีมาพัฒนาให้เกษตรกรไทยก้าวไปสู่ความเป็น Smart Farmer สนับสนุนการทำการเกษตรโดยนำนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ ติดอาวุธให้เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมหลักสูตรการเกษตรเชิงพาณิชย์ให้กับ Young Smart Farmer จากทั่วประเทศไปแล้วกว่า 3,000 คน
“การนำเทคโนโลยีเข้ามา เช่น เรื่อง Internet of Things (IoT) รวมถึงบริการ AgriTech ไม่ใช่แค่เพิ่มศักยภาพการผลิตของเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิต ทำให้พวกเขามีอิสระในการใช้ชีวิตมากขึ้น และไม่ต้องกังวลในเรื่องเกี่ยวกับผลิตผล เพราะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอยู่แล้ว ดังนั้นการสนับสนุนให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นการช่วยผลักดันนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล ผ่าน Value-Based Economy”
ทางด้านคุณบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด บอกว่า การช่วยเกษตรกรอย่างยั่งยืน คือเรื่องที่จำเป็นที่สุด และการนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำได้ เช่นการใช้ Social Media เพื่อหาลูกค้าใหม่ แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องสอนพวกเขาให้ทำเพื่อคนอื่นด้วย ไม่ใช่ทำเพื่อตนเองอย่างเดียว เพราะการยั่งยืนเพียงคนเดียว ก็ไม่ใช่ประโยชน์สูงสุดในการทำเกษตรกรรม
ได้ฟังผู้บริหารสองคนนี้แล้ว ก็บอกได้เลยว่าภาคเกษตรไทยไม่โดดเดี่ยว เรียกว่ามีผู้สนับสนุนเยอะ แต่ขอให้มีความจริงจัง สนับสนุนกันไปนานๆ…เพราะว่าเกษตรคือประเทศไทย หากเกษตรกรของเรายิ้มได้ เศรษฐกิจไทย ประเทศไทยของเราก็จะมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนอย่างแน่นอนครับ https://www.youtube.com/watch?v=xfkKavWfICw
