คนเพชรบุรีปลูกมะละกอ “ได้เงินล้าน” ...ไม่ง้อมะนาวแล้ว!!
นี่ละครับ สวนมะละกอเงินล้าน ของคุณฐานิดา เขียวขำ และคุณประเชิญ อยู่คง...วันนี้ขอโชว์ป้ายชื่อด้วย (เพราะทำมาใหม่ สดๆร้อนๆครับ)

เป็นที่รู้กันดีว่า จังหวัดเพชรบุรีขึ้นชื่อเรื่องมะนาว ที่นี่มีเกษตรกรปลูกกันมาก แต่วันนี้มีเกษตรกรครอบครัวหนึ่งที่หลงใหลกับการปลูกมะละกอ นั่นก็คือ คุณประเชิญ อยู่คง และ คุณฐานิดา เขียวขำ สองสามีภรรยาที่สู้ชีวิต “ทำงานทุกอย่างที่จะได้เงินมาใช้หนี้”

คุณฐานิดา เคยรับราชการเป็นอาจารย์สอนที่ วิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างนั้นก็เลี้ยงกุ้งกุลาดำ.ไปด้วย แรกๆก็ไปได้ดี ต่อมาประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก จึงต้องลาออกจากราชการ และเลิกเลี้ยงกุ้ง ส่วนคุณประเชิญ เคยมีอาชีพขับรถ 10 ล้อ และช่างไฟ ได้มารู้จักกันกับภรรยาระหว่างที่มาซ่อมระบบไฟที่บ่อกุ้ง

(ซ้าย)กำลังสอยมะละกอมาให้ชิม...(ขวา)มะละกอแซม(แซง)มะนาว
(ซ้าย)กำลังสอยมะละกอมาให้ชิม…(ขวา)มะละกอแซม(แซง)มะนาว…มะละกอชุดที่เห็นนี้เป็นคอ 3 แล้ว

เหมือนโชคชะตาให้สองคนมาพบกัน…จึงตัดสินใจมาใช้ชีวิตร่วมกัน และหอบหิ้วกันไปค้าขายอาหารทะเลส่งตามร้านอาหารต่างๆ “ตอนนั้นเราก็คิดว่าทำอะไรก็ได้ที่ให้ได้เงินไวๆ จึงตัดสินใจขายอาหารทะเล แต่ต่อมาอาหารทะเลที่ตลาดปราณบุรีเริ่มมีน้อย ราคาแพงขึ้น อย่างปลาหมึกกิโลละ 280-300 บาท ขนาดปลาทูที่เคยมีเยอะๆก็กิโลละ 100-120 บาท มีกำไรน้อยมาก จึงไปรับซื้ออาหารทะเลที่ระนอง เป็นเรือประมงของพม่า แต่พอไปซื้อได้สักระยะก็เจอปัญหาชาวพม่ามาขายเอง มาส่งเองที่ตลาดมหาชัยโดยตรง เราพูดภาษาเขาไม่ได้ เขาจับเองขายเอง(พวกเดียวกัน) ก็เลยต้องเลิกอาชีพนี้”

จากค้าขายอาหารทะเลที่ทำมาเป็นเวลา 13 ปี ก็สะดุดหยุดลง จึงตัดสินใจเลือกหาอาชีพใหม่ “ก็พอดีว่าพ่อแม่พอจะมีที่ดินที่จะเป็นมรดกให้ลูกๆว่างอยู่แปลงหนึ่ง ระหว่างที่ว่างอยู่เราก็เลยคิดว่าจะนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร ปลูกอะไรดี ก็มาคิดว่าน่าจะปลูกมะละกอ ตอนนั้นมะกอฮอลแลนด์กำลังดัง และมองว่าเป็นพืชที่ปลูกแล้วได้ผลไว ได้ขายไว”

ที่ดินแปลงที่ว่านี้ตั้งอยู่ติดถนนบายพาสชะอำ-ปราณบุรี มีจำนวน 8 ไร่ เดิมทีนั้นเคยปลูกมะนาวมาก่อน แต่พอมะนาวหมดรุ่นจะปลูกใหม่ก็คิดว่า ควรปลูกมะละกอเสริมไปด้วย

เริ่มต้นจากการปลูกมะละกอฮอลแลนด์ จำนวน 500 ต้น ใช้ระยะปลูก 2 ½ x2 ½ เมตร (แบ่งพื้นที่มาปลูกประมาณ 2 -3 ไร่) และอีกแปลงหนึ่งได้ปลูกมะนาว จำนวน 200 ต้น (ใช้พื้นที่ปลูกประมาณ 3 ไร่)

ประมาณ 8 เดือน มะละกอรุ่นแรกก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ “ดีใจมากค่ะ ที่ขายมะละกอได้เงินแสน รวมทั้งหมดที่ปลูกรอบแรกได้เงินประมาณ 4 แสนบาท จาก 500 ต้น มันเป็นอะไรที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เงินเป็นก้อนมากขนาดนี้

มะละกอรุ่นแรกผ่านพ้นไป ได้สร้างแรงบันดาลใจให้สองสามีภรรยาคิดที่จะขยายแปลงปลูกมะละกอไปเรื่อยๆ “ที่เห็นนี้เป็นมะละกอรุ่นที่ 2 (รุ่นปัจจุบันที่ผู้เขียนได้ไปเยือน) ได้ขยายพื้นที่ปลูกจาก 3 ไร่ เป็น 6 ไร่ ได้ปลูกจำนวน 1,000 ต้น ปรากฏว่าคอแรก(เก็บผลผลิตครั้งแรก)เก็บมะละกอขายได้ถึง 4 แสนบาท และคอที่ 2-3 รวมกันขายได้ถึง 5 แสนบาท (ปัจจุบันกำลังขึ้นคอที่ 4) ก็จะยังเก็บได้เรื่อยๆ”

ปัจจุบันจากพื้นที่ปลูกมะละกอ 6 ไร่ ได้ขยายเป็น 8 ไร่ และยังเช่าพื้นที่ของเพื่อนบ้านอีก 10 ไร่ เป็น 18 ไร่ และนอกจากนั้นยังได้ขยายการปลูกไปยังเพื่อนเกษตรกรคนอื่นๆที่มาเห็นว่าปลูกแล้วได้ผล “เราจะไปให้คำแนะนำและต่อไปหากเขาพอใจจะขายกับเราก็ได้”

โดยผลผลิตที่ได้นั้น ในครั้งแรก สองสามีภรรยาจะนำไปขายเองที่ตลาดบางมด กรุงเทพฯ ซึ่งมีแผงขายอยู่ที่นั่น และส่วนหนึ่งจะนำไปส่งให้กับโรงแรมต่างๆย่านชะอำและหัวหิน รวมทั้งตั้งร้านขายเองที่หน้าสวน แต่ต่อมาแม่ค้าผู้รับซื้อเริ่มรู้จักก็มาติดต่อซื้อขายถึงสวน แต่ส่วนหนึ่งก็ยังส่งให้โรงแรมต่างๆเหมือนเดิม

สำหรับราคาของมะละกอที่ขายได้จะขึ้นลงตามกลไกตลาด แต่โดยเฉลี่ยถ้าเป็นมะละกอเกรด A (ราคา ณ ปัจจุบัน-เดือนเมษายน 2560) จะขายได้กิโลกรัมละ 18-20 บาท (เกรด A จะมีมากในคอที่ 1) ถ้าเกรด B จะขายได้กิโลกรัมละ 15 บาท และเกรด C จะขายได้กิโลกรัมละ 10-12 บาท (เกรด B และ C จะมีมากในคอที่ 2,3)

(ซ้าย)เรียนรู้การปลูกมะละกอจากหนังสือ...(ขวา)โชว์ใบสั่งซื้อมะละกอ
(ซ้าย)เรียนรู้การปลูกมะละกอจากหนังสือ…(ขวา)โชว์ใบสั่งซื้อมะละกอประจำวัน

ถามถึงเรื่องการปลูกมะละกอบ้างว่า “ยากไหม ดูแลจัดการอย่างไร” เพราะเห็นหลายคนบ่นว่าปลูกยาก ดูแลยาก ก็ได้รับคำตอบว่า

“ปลูกไม่ยาก แต่ดูแลจัดการยากหน่อยค่ะ…แต่สำหรับเราถือว่าผ่านตรงนี้แล้ว เวลานี้จะบอกว่าไม่มีอะไรยากแล้วก็ได้ค่ะ” คุณฐานิดา ตอบอย่างมั่นใจ (ครั้งแรกได้เรียนรู้การปลูกจากหนังสือต่างๆ และปลูกไม่ต้องมาก เพื่อเรียนรู้ไปในตัว)

การปลูกและการดูแลจัดการที่ว่า จะเริ่มจากการปรับปรุงดิน ดินที่ปลูกนั้นเป็นดินร่วนปนทราย ทำการปรับสภาพดินโดยการไถพรวน และยกร่องให้เป็นเนิน เพื่อป้องกันเวลาฝนตกหนัก จะได้ระบายน้ำได้ จากนั้นทำการวางระบบน้ำ ต่อท่อน้ำขึ้นมาเอง เชื่อมกับคลองชลประทานที่อยู่ห่างออกไป 2 กิโลเมตร ซึ่งโชคดีว่าคุณแม่ได้ทำการวางระบบท่อ(ฝังท่อ)นี้ไว้เมื่อเมื่อ 30 ปีที่แล้ว พอเตรียมร่องปลูกเสร็จก็ทำการปลูก ต้นพันธุ์ที่นำมาปลูกครั้งแรก ได้ขอเมล็ดพันธุ์จากแม่ค้าที่รู้จักสมัยขายอาหารทะเลมาเพาะเอง โดยปลูก 3-4 ต้น ต่อ 1 หลุม

การให้น้ำในระยะเริ่มปลูกใหม่ๆต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยใช้หลักสังเกตว่าดินชุ่มชื้นแค่ไหน ใช้ระบบน้ำแบบสปริงเกอร์ ส่วนการใส่ปุ๋ยก็สำคัญมาก ช่วงที่ต้นเล็กๆจะใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 ต้นละประมาณ 1 กำมือ โรยรอบๆต้น ประมาณ 15-20 วันต่อครั้ง เฉลี่ยปุ๋ยที่ใช้ 1 ไร่ ต่อ 1 กระสอบ (กระสอบละ 50 กิโลกรัม)

พอมะละกออายุ 2-3 เดือน ก็เริ่มออกดอก จะคัดให้เหลือหลุมละ 1 ต้น โดยสังเกตต้นที่ออกดอกเรียวยาว(ดอกสมบูรณ์เพศ) เรียกกว่าต้นกะเทย ช่วงนี้จะเริ่มใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 หรือสูตร 16 ก็ได้ ใส่ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ (การใส่ปุ๋ยชีวภาพจะสังเกตว่าถ้าดินแห้งด้านก็จะใส่) ครั้นมะละกอผลเริ่มแก่จะเปลี่ยนมาเป็นปุ๋ยสูตร 13-13-21 กระทั่งเก็บผลผลิต ซึ่งวิธีการใส่ปุ๋ยแบบนี้ จะทำให้มะละกอมีเนื้อสีแดงส้มสวยงามและหวานกำลังดี

ด้านซ้ายเป็นแปลงที่จะทำการปลูกใหม่ได้วางระบบน้ำแล้ว ส่วนด้านขวาก็เพิ่งปลูกได้ไม่กี่เดือน
ด้านซ้ายเป็นแปลงที่จะทำการปลูกใหม่ได้วางระบบน้ำแล้ว ส่วนด้านขวาก็เพิ่งปลูกได้ไม่กี่เดือน

ในเรื่องโรคแมลง ที่ทำให้เกษตรกรชาวสวนมะละกอแขยงก็จะมีไวรัสจุดวงแหวน และไรแดง เป็นศัตรูตัวฉกาจ โดยเฉพาะไรแดง จะทำการฉีดเชื้อเมธาไรเซียม วิธีการก็ให้สังเกตว่าใบมะละกอเป็นจุดเล็กๆสีขาวหน้าใบ สีของใบซีด และขยายจนใบเป็นสีเหลืองทั้งใบและร่วงในที่สุด ถ้าทำลายรุนแรง ใบจะแห้งตาย เริ่มมีอาการเหลืองเป็นจุดดำๆ โดยฉีดพ่นไปที่ใบ รอบๆต้น ส่วนถ้าเป็นโรคไวรัสจุดวงแหวนจะแก้ไขปัญหาขั้นเด็ดขาด ด้วยการโค่นต้นทิ้ง แต่ก็ไม่ค่อยพบนัก

“ไรแดงตัวดี (ร้าย) ยิ่งกว่าไวรัสจุดวงแหวนเสียอีก เพราะว่ามันระบาดเร็วมาก มันจะมาตอนหน้าแล้ง แต่ถ้าหน้าฝนก็จะเป็นเชื้อรา พวกไวรัส แต่เราก็เอาอยู่นะ”

(ซ้าย)แปลงนี้ก็เพิ่งปลูก...(ขวา)ฟอร์ดเรนเจอร ลุยถึงสวน โดยคุณจตุพล ยอดวงศ์พะเนาว์ (คนขวาสุด) เป็นคนชี้ทาง
(ซ้าย)แปลงนี้ก็เพิ่งปลูก…(ขวา)ฟอร์ดเรนเจอร์ ลุยถึงสวน โดยคุณจตุพล ยอดวงศ์พะเนาว์ (คนขวาสุด) เป็นคนชี้ทางในการมาเยือนครั้งนี้
(ซ้าย)นั่งคุยกับเจ้าของสวนมะละกอเงินล้าน...(ขวา)ชิมมะละกอเงินล้าน
(ซ้าย)นั่งคุยกับเจ้าของสวนมะละกอเงินล้าน…(ขวา)ชิมมะละกอเงินล้าน

อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ถามไม่ได้เลย คือเรื่องตลาด…เพราะจากการเดินสำรวจดูรอบๆพบว่าขยายแปลงปลูกมะละไปอีก 2-3 แปลง แถมยังส่งเสริมให้เพื่อนๆเกษตรกรปลูกด้วย

“คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะว่าจากที่เราลงมาคลุกคลี ทำให้เรารู้ว่าตลาดยังไปได้ พ่อค้าแม่ขายก็ติดต่อเข้ามาเยอะ ถามว่ามีมะละกอไหมช่วงนั้นช่วงนี้ ขอสั่งซื้อหน่อยนะ (พูดพลางก็โชว์ใบสั่งซื้อที่จดไว้ในสมุดเล่มเล็กๆให้ดู) แต่ถ้าสมมุตว่าแม่ค้าที่เขาติดต่อเราประจำไม่สามารถรับได้ เราก็มีแผงมะละกอที่ตลาด 4 มุมเมือง เป็นแม่ค้าที่รู้จักติดต่อกันมานานแล้ว” คุณฐานิดา บอกตรงๆ

“สรุปว่า ปลูกมะละกอไม่มีปัญหาอะไรที่หนักใจมากใช่ไหม” เราถามต่อ

“ขอให้ทำคุณภาพให้ดี เดี่ยวแม่ค้าก็ติดหนึบ…นี่บอกตามตรงนะ แปลงที่เราเคยปลูกมะนาว ตอนนี้เราก็ปลูกมะละกอแซม เพราะว่ามันได้ผลยิ่งกว่ามะนาว จะบอกว่าเราลืมมะนาวหันมาใส่ใจกับมะละกอก็ไม่ผิด…”

“พอได้มะละกอก็ลืมมะนาว…” เราแซวคุณประเชิญที่ยืนอยู่ข้างๆคุณฐานิดา ทำเอาหัวเราะชอบใจ

ใครที่ต้องการติดต่อพูดคุย…อยากทำมาค้าขายมะมะกอ หรือเคล็ดลับวิธีการปลูกต่างๆที่นอกเหนือจากที่บอกมา โทร. 084 4572501 หรือ 091 7623848 อ้อ…เกือบลืมบอกไปว่าวันที่เราได้ไปเยือนนั้น ทางคุณประเชิญ ยังได้นำป้ายชื่อไร่ “อิงฝน” (มาจากชื่อลูกสาว วัย 9 ขวบ) ที่ทำขึ้นมาใหม่ๆมาโชว์เราด้วย และบอกอีกว่าต่อไปจะทำเป็นสวนเกษตรเพื่อการท่องเที่ยวด้วย เพราะจะว่าไปแล้ว ทำเลอยู่ติดถนนบายพาส ชะอำ-ปราณบุรี เหมาะมากๆเลยครับ

ขอบคุณ : ฟอร์ด เรนเจอร์ พาหนะคู่ใจ ที่นำพามายังไร่อิงฝน ในครั้งนี้

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated