ย่านโซโหของเกาะแมนฮัตตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาที่รายล้อมไปด้วยหอศิลป์ ร้านค้าหรู และการจราจรแห่งนี้ จะมีบลูเบอร์รีและราสป์เบอร์รีออกผลเต็มสวนบนดาดฟ้าอาคารในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
กลิ่นดอกโรสแมรีและเครื่องเทศคละคลุ้งในอากาศ ขณะที่ไก่ 4 ตัวเดินไปมาในเล้าที่ล้อมด้วยกระโจมเถาวัลย์ที่เป็นร่มเงาในยามกลางวัน พนักงานครัวจากโรงแรมครอสบี สตรีท โฮเต็ล มุ่งหน้าสู่ดาดฟ้าของโรงแรมเพื่อเก็บไข่ไก่และพริกฮาบาเนโร ซึ่งโรงแรมแห่งนี้อยู่ห่างไม่กี่อึดใจจากสถานีรถไฟใต้ดินพรินซ์ สตรีท ในโลกที่คำว่า “ผลิตผลจากสวนถึงโต๊ะอาหาร” (farm-to-table) กลายเป็นวลีที่ใช้อย่างแพร่หลาย บรรดาโรงแรมทั่วอเมริกาเหนือหันมาปลูกสวนและฟาร์มอันอุดมสมบูรณ์ของบนดาดฟ้าอาคารตัวเองกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายการสินค้าจากครัวของตน
ต่อไปนี้คือโรงแรม 10 แห่งที่เกาะกระแสทำสวนผักสดใหม่บนดาดฟ้า โดยหวังให้แขกได้ชื่นชมคุณภาพผักสดที่ปลูกเองและลดรอยเท้าคาร์บอน
1. เดอะ ลอดจ์ แอต วูดล็อก (เมืองฮอว์ลีย์ รัฐเพนซิลวาเนีย, สหรัฐ)
โรงแรมซึ่งตั้งในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐเพนซิลวาเนีย มีบริการเมนูอาหารเพื่อสุขภาพโดยใช้วัตถุดิบจากสวนผัก 3 แห่งในโรงแรม และรับจัดเลี้ยงอาหารเย็นที่เน้นผักสดๆ เป็นหลักทานคู่กับไวน์ ท่ามกลางบรรยากาศในสวนสุดแปลก ภายในโรงแรมและสปาริมทะเลสาบแห่งนี้ยังมีการสอนการทำสวน ทัวร์ชมเรือนกระจก และโรงทำปุ๋ยหมักจากผักอ่อน มะเขือเทศ และหัวไชเท้าที่เพิ่งขุดใหม่ๆ หากต้องการความผ่อนคลายแบบธรรมชาติสูงสุด ที่นี่ยังใช้สมุนไพรในสวนมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยกลิ่นโรสแมรีและลาเวนเดอร์สำหรับทำสปาอีกด้วย
2. แบล็คเบอร์รี ฟาร์ม (เมืองวอลแลนด์ รัฐเทนเนสซี, สหรัฐ)
แบล็คเบอร์รี ฟาร์มตั้งอยู่บริเวณแนวเขาอันงดงามแห่งเทือกเขาเกรท สโมกกีที่มีการเพาะปลูกมานานหลายศตวรรษ รีสอร์ตแห่งนี้ใช้ทำเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมในการปลูกผลไม้ ผัก และสมุนไพร แถมยังขึ้นทำเนียบเมนูร้านอาหารที่ชนะเลิศรางวัลเจมส์ เบียร์ด อวอร์ด และยังเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผักหัวรสชาติดีและชีสที่ทำขึ้นเอง
3. ครอสบี สตรีท โฮเตล (นครนิวยอร์ก, สหรัฐ)
เป็นเรื่องทันสมัยที่ได้เข้าถึงธรรมชาติที่โรงแรมครอสบี สตรีท โฮเต็ลในย่านโซโห โดยเฉพาะสวนผักบนชั้น 12 พร้อมกลิ่นอายเย็นสบาย ส่วนดาดฟ้าเต็มไปด้วยผลไม้ในเมืองแปลงผัก ที่นี่ยังปลูกหัวผักกาดกรอบเพื่อนำมาทำแซนด์วิชอาหารเช้า ผักสปริงกรีนที่สอดไส้อยู่ในครอสบีเบอร์เกอร์ และแม้แต่ดอกแพนซีที่รับประทานคู่กับชายามบ่าย นอกจากนี้ ไก่อะรัวคานายังวางไข่สีฟ้าอ่อนๆ สีสวยน่ารัก คลอไปกับเพลงกล่อมเด็กด้วย
4. ออมนิ อะเมเลีย ไอแลนด์ แพลนเทชัน รีสอร์ต (รัฐฟลอริดา, สหรัฐ)
ออมนิ อะเมเลีย ไอแลนด์ แพลนเทชัน รีสอร์ตเป็นสถานที่สำหรับโครงการสเปราติง โปรเจกต์ ซึ่งเป็นเรือนกระจกแบบผสมผสานและสวนผักปลอดสาร (ออร์แกนิค) ราคาแพง คือสวนอีเดนที่มีต้นสตรอว์เบอร์รีและพุ่มไม้แบล็กเบอร์รีรสชาติหวานฉ่ำ พร้อมป้ายชื่อสมุนไพรที่เขียนด้วยลายมือสไตล์ลูกทุ่ง เมนูของรีสอร์ตแห่งนี้สะท้อนถึงการเก็บเกี่ยวพืชผลและรสชาติแสนอร่อยในแต่ละวัน รวมถึงส้มซัตสึมะและมะเดื่อ ส่วนเมนูของหวานเต็มไปด้วยขนมราดด้วยน้ำผึ้งที่ได้จากรังผึ้งในสวนของโรงแรม
5. คองเกรส ฮอลล์ (เมืองเคป เมย์ รัฐนิวเจอร์ซีย์, สหรัฐ)
โรงแรมคองเกรส ฮอลล์ที่อยู่ริมทะเลเคป เมย์ บริหารจัดการฟาร์มบีช พลัมบนพื้นที่ 157 ไร่ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ชุ่มน้ำที่ได้รับการคุ้มครองห่างจากตัวโรงแรมกว่า 1.6 กม. คุณสามารถขี่จักรยานชมแปลงผักที่ปลูกไว้สำหรับเป็นวัตถุดิบอาหารของโรงแรมอย่างเช่นผักโขมปลอดยาฆ่าแมลง หัวไชเท้ารสอร่อย และหน่อไม้ฝรั่งสดกรอบ เช่นเดียวกับมะเขือเทศ ส่วนพลัมนำมาใส่โถทำซอสราดพิซซ่าได้ตลอดปี นอกจากนี้ แขกโรงแรมและคนทั่วไปสามารถเข้ามาช่วยเก็บน้ำผึ้งจากรังผึ้ง รวมถึงเก็บล้างทำความสะอาดไข่และขุดมันเทศในช่วงเทศกาลประจำฤดูกาลได้ด้วย
6. วูดสตอก อินน์ แอนด์ รีสอร์ต (เมืองวูดสตอก รัฐเวอร์มอนต์, สหรัฐ)
ร้านอาหารของโรงแรมวูดสตอก อินน์ แอนด์ รีสอร์ต มีแหล่งอาหารครบครันภายในสวนเคลลี เวย์ การ์เดนส์ ขนาด 6.3 ไร่ที่ห่างจากที่พักกว่า 1.6 กม. โดยมีที่เพาะเห็ดและสวนผลไม้ ซึ่งสวนที่นี่ประกอบด้วยผักกว่า 200 ชนิด รวมถึงมะเขือเทศ 65 ชนิด และดอกไม้กินได้ เช่น คอร์นฟลาวเวอร์และแนสเตอร์เตียม ช่วยให้อาหารดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น ส่วนเมนูอาหารอย่างทาโกสอดไส้ดอกกะหล่ำย่าง แครอท และซอสซัลซาแบบโฮมเมด ยังสามารถดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบรับประทานเนื้อสัตว์ได้ด้วย
7. แฟร์มอนต์ ซานฟรานซิสโก (รัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐ)
สมุนไพรเมดิเตอร์เรเนียนและต้นเลมอนเมเยอร์ ทำให้สวนขนาด 93 ตร.ม. ของโรงแรมแฟร์มอนต์ ซานฟรานซิสโกดูมีชีวิตชีวาขึ้นในทันที ทั้งโรสแมรี ไธม์ ออริกาโน ผักชี นำมาประดับกับเครื่องดื่มค็อกเทลและทำให้เมนูอาหารมีรสชาติตามฤดูกาลสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของสวนแห่งนี้คือ คอนโดผึ้งป่าที่ทำจากไม้สำหรับทำรังเพื่อนำน้ำผึ้งที่ผลิตได้ป้อนให้กับโรงแรม โดยมากนำมาราดสลัดผักและยังเป็นส่วนผสมของบริการชายามบ่ายที่ขึ้นชื่อของโรงแรม
8. ชาเบล รีสอร์ต แอนด์ สปา (เมืองโชโชลา รัฐยูคาทาน, เม็กซิโก)
สัมผัสบรรยากาศและวิถีชีวิตแบบชาวมายัน ที่โรงแรมชาเบล รีสอร์ต แอนด์ สปา ตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรยูคาทานของเม็กซิโก โรงแรมแห่งนี้เคารพประเพณีโบราณโดยการทำสวนสไตล์มายัน ประกอบไปด้วยพืชมีโซอเมริกันดั้งเดิม เช่น ข้าวโพด ฟักทอง และใบชายา ส่วนสมุนไพรปลูกขึ้นในแปลงทำจากไม้ที่หาได้ในท้องถิ่น โดยไม่ต้องพึ่งวัสดุที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น นอกจากนี้ ชาวสวนยังเพาะเมล็ดลงในดินปลอดสาร และยังชักชวนให้แขกโรงแรมเข้าร่วมปลูกด้วย อีกทั้งมีการเก็บเกี่ยวพืชผักชวนน้ำลายสอเกือบทุกชนิดแบบวันต่อวัน
9. เปอตีต์ เซนต์ วินเซนต์ (เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์)
การบริการแบบรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้แพร่กระจายอยู่ในหลายแง่มุมของชีวิตบนเกาะห่างไกลเทคโนโลยีอย่างเปอตีต์ เซนต์ วินเซนต์ ในทะเลแคริบเบียน รีสอร์ตแห่งนี้นอกจากจะมีสวนปลอดสารขนาดใหญ่นอกครัวแล้ว ยังมีผักผลไม้และสมุนไพรเขตร้อนที่ยากจะหาที่ใดมาเทียบ เช่น ตะไคร้ โหระพาไทย และถั่วพู ทั้งหมดนี้ปรุงออกมาเป็นตำรับอาหารฟิวชั่นสไตล์เอเชีย และผักโขมแคริบเบียนเสริมสังกะสีที่เพิ่มในเมนูอินเดียแดงตะวันตกสไตล์ดั้งเดิม ขณะเดียวกันในทุกๆ เช้า คุณจะได้รับประทานไข่ไก่สดส่งตรงจากเล้าภายในไม่กี่นาที
10. นิตา เลก ลอดจ์ (เมืองวิสเลอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย, แคนาดา)
โรงแรมนิตา เลก รีสอร์ต เป็นแหล่งรวมวิถีรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืนหลายอย่าง แต่สวนบนดาดฟ้าตามฤดูกาลกลับดูมีเสน่ห์ที่สุด เพราะสามารถนำผักจากสวนไปทำสลัดเมล็ดฟาร์โร โรยทับทิมและสมุนไพรอีกเล็กน้อย และปลาคอดย่างกระทะโรยด้วยออริกาโนพร้อมน้ำสลัดราสป์เบอร์รี
แม้แต่ช่วงหน้าหนาวสุดขั้วทีมพ่อครัวของโรงแรมยังเนรมิตเมนูอาหารจากพืชผักในสวน อย่างเช่นขนมมาการูนแต่งกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ตากแห้ง ที่พักแห่งนี้ยังตั้งชายฝั่งทะเลสาบนิตาอันเก่าแก่ ห่างจากลานสกีชื่อดังเพียงไม่กี่ก้าว ทำให้คุณจะได้รับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศที่ล้อมรอบไปด้วยลานหิมะขาวดั่งขนนกด้วย
ที่มาของข่าว : เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/754665
แปลและเรียบเรียงจากซีเอ็นเอ็น โดย ณัชชา อรวีระกุล