เอ่ยชื่อ “ขนุนทองประเสริฐ” น้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะว่ารสชาติดีเหลือหลาย ขยายไปปลูกกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่จะรู้หรือไม่ว่าคนที่เป็นต้นตำรับ ชื่อว่า “ยงยุทธ วงษ์จิราษฎร์” ขอเล่าให้ฟังสักนิดว่าผู้เขียนเคยเดินทางไปกับคุณพาณิชย์ ยศปัญญา แห่งเทคโนโลยีชาวบ้านเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ได้บุกไปถึงสวนที่บ้านยางงาม ต.กระแส อ.แกลง จ.ระยอง ทำให้ทราบว่าที่มาของสายพันธุ์ เกิดจากการที่มีคนรู้จักที่ อ.เบตง จ.ยะลา เห็นขนุนที่นั่นคุณภาพดี จึงนำขนุนทั้งผลส่งมาให้แกะดูเนื้อ ทั้งคุณยงยุทธและเพื่อนที่ อ.แกลง ได้ชิมเนื้อแล้ว ยอมรับว่า ขนุนจากแดนใต้ดีจริง จึงนำเมล็ดมาเพาะไว้ โดยไม่ให้ความสำคัญมากนัก เนื่องจากที่ อ.แกลง มีเงาะ ทุเรียน รวมทั้งยางพารา เป็นเจ้าถิ่น คิดว่าขนุนไม่น่าจะไปได้ดี แต่แล้วผิดคาด ปรากฏว่า ขนุนให้ผลผลิตในเวลาที่รวดเร็วมาก แถมรสชาติดี
จากขนุน จำนวน 30 ต้น ที่ได้จากการเพาะเมล็ดไว้ และได้ปลูกไว้ คุณยงยุทธได้เลือกต้นที่ดีที่สุด มาขยายพันธุ์ต่อ พร้อมกับตั้งชื่อว่า “ทองประเสริฐ” ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้ว คือยวงขนุนมีสีเหลืองทอง ต่อมามีการขยายพันธุ์ขนุนด้วยวิธีการทาบกิ่งเป็นหลัก และแพร่กระจายมาถึงทุกวันนี้
ล่าสุดทางทีมงานสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ได้เดินทางไปที่สวนขนุนของคุณยงยุทธ ครั้งนี้ผู้เขียน “เกษตรก้าวไกล” ไม่ได้เดินทางไปด้วย แต่คุณพิชญา พงศาวกุล หรือ “คุณตา” ผู้จัดการสมาคมฯ ได้เล่าให้ฟังว่ากิจการสวนขนุนทองประเสริฐยังไปได้ดีมาก โดยได้มีโอกาสพูดคุยกับ “ทัศนีย์ วงษ์จิราษฎร์” บุตรสาวคุณยงยุทธ ซึ่งเป็นผู้สานต่อกิจการปลูกขนุนส่งออก และขายกิ่งพันธุ์สร้างรายได้ปีละหลายล้านบาท
โดยเฉพาะการทาบกิ่งขนุนขาย คุณทัศนีย์ บอกว่าทุกวันนี้ ทาบกิ่งไม่ทัน ไม่พอขาย แต่ละวันจะมีลูกค้าเข้ามาซื้อที่ร้านเยอะมาก และทั้งที่ออร์เดอร์โทร.สั่งจองอีกส่วนหนึ่ง หากลูกค้าที่ต้องการเยอะ ต้องสั่งจองล่วงหน้ากันเลยทีเดียว
“รู้สึกตื่นตาที่ได้เห็นวิธีการทาบกิ่งขนุนเป็นการค้าของสวนคุณยงยุทธ ซึ่งขนุนแต่ละต้นจะห้อยโหนอยู่กลางอากาศ เชือกผูกระโยงระยางกับนั่งร้านที่ล้อมต้นไว้ ดูเป็นกิจการที่มั่นคงมากๆ” คุณตาเล่า
เหมือนกับจะรู้ว่าผู้มาเยือนให้ความสนใจเกี่ยวกับวิธีการขยายพันธุ์ขนุนด้วยวิธีการทาบกิ่ง ซึ่งเป็นวิธีที่ทราบว่ากลายพันธุ์ยาก คุณทัศนีย์ จึงได้อธิบายให้ฟังว่า ต้นที่เป็นแม่พันธุ์จะต้องมีอายุ 2 ปีขึ้นไป โดยที่ไม่เคยไว้ลูกมาก่อน ข้อดีคือ จะทำให้แข็งแรงกว่า และมีแรงกำลังส่งอาหารพุ่งแตกยอดได้ดีและเร็วกว่า และต้นพันธุ์ที่ได้มาก็จะแข็งแรงกว่า การทาบกิ่งของแต่ละต้นจะทาบได้ตามจำนวนยอดที่แตกมาจากต้นแม่พันธุ์ โดยเฉลี่ยได้ 50-60 กิ่ง/ต้น และเกษตรกรที่เป็นลูกมือจะสามารถทาบกิ่งในแต่วันได้ปริมาณคนละ 200-300 กิ่ง ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแต่ละคน
“วิธีทาบกิ่งไม่ยากค่ะ เริ่มจากนำเมล็ดขนุนที่คุณภาพดีไปเพาะในถุงดำ เพื่อเป็นต้นพ่อพันธุ์ 1 ต้น 1 ถุง จนลำต้นสูงราว 50 ซม. ให้ใช้มีดคมปาดต้นพ่อพันธุ์สูงจากโคนต้นประมาณ 10-15 ซม. เป็นปลายแหลมเฉียง จากนั้นให้เลือกกิ่งสมบูรณ์จากแม่พันธุ์ที่ปลูกไว้ (อายุ 2 ปีขึ้นไป) มาเทียบเคียงกันดูให้เหมาะสมกัน เมื่อได้แล้ว นำมีดคมปาดกิ่งแม่พันธุ์เป็นรูปเสี้ยว กินเนื้อไม้เล็กน้อย นำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มาประกบกัน ใช้เชือกมัดถุงดินที่เพาะต้นพันธุ์ แขวนไว้เพื่อรับน้ำหนัก จากนั้นใช้พลาสติกยืด หรือเทปที่ใช้กับการขยายพันธุ์ไม้มัดให้แน่นจนมิดรอยปาดทั้งสองด้าน”
“เวลาผ่านไป 45 วันให้ควานเปลือกกิ่งพันธุ์ด้านล่าง เพื่อเตือนให้กิ่งพันธุ์ไปกินธาตุอาหารในถุงต้นตอ ปล่อยอีก 10 วันสามารถตัดไปอนุบาล ประมาณ 15-20 วัน ต้นพันธุ์ก็จะแข็งแรงดี สามารถส่งมอบให้ลูกค้าได้”
สำหรับการจำหน่ายนั้นทราบว่า มีลูกค้าสั่งซื้อมาจากทั่วประเทศ “ในช่วงที่นำมาอนุบาลเพื่อจำหน่าย เราก็นำมาเปลี่ยนขนาดของถุงดำให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จะจำหน่ายได้ในราคาต้นละ 45-100 บาท ตามขนาด ในแต่ละวันจะมีลูกค้ามาซื้อที่หน้าสวน โดยเฉลี่ย 100-200 ต้น/วัน หากปริมาณมากก็ให้สั่งจองล่วงหน้าก่อน 1-2 สัปดาห์ ลูกค้าจะมีมาจากทั่วประเทศ ทุกจังหวัด และในช่วงฤดูฝนจะเป็นฤดูกาลที่จำหน่ายกิ่งพันธ์ได้ดีที่สุด”
คุณทัศนีย์ บอกว่าใครที่จะทำกิ่งพันธุ์ขนุนขาย สามารถทำรายได้ไม่ยาก ในส่วนของตนเอง โชคดีที่คุณพ่อได้สร้างชื่อเสียงไว้ แต่สำหรับเกษตรคนอื่นๆก็สามารถยึดอาชีพตรงนี้ได้เหมือนกัน ขอให้มีต้นพันธุ์ที่ดี และวิธีการขยายพันธุ์นั้นเราสามารถปลูกต้นขนุนระยะชิด เรียกว่าใช้พื้นที่ไม่มากก็มีสิทธิ์ทำเงินได้
สำหรับต้นพันธุ์ขนุนที่ลูกค้าซื้อไป มีคำแนะนำว่า พื้นที่ 1 ไร่จะสามารถปลูกได้ 35-45 ต้น วิธีการปลูกก็ไม่ยุ่งยาก การใส่ปุ๋ยก็ไม่เน้นมาก เพียงแต่ดูแลกำจัดวัชพืช และจัดการระบบน้ำในช่วงที่ปลูกใหม่ๆให้ดี ต้นขนุนจะเติบโตเร็วมาก เวลาให้ผลผลิตจะตัดผลให้เหลือเพียงต้นละไม่เกิน 15 ผลต่อปี เพื่อรักษาคุณภาพของผลผลิต โดยเฉพาะในช่วงปีแรกๆที่ให้ผลผลิตต้นยังไม่เติบโตมากนัก
“ที่สวนจะสามารถผลิตขนุนได้ปีละประมาณ 10 ตัน ในราคาเฉลี่ยตลอดทั้งปี กิโลกรัมละ 25 บาท บางฤดูกาลอาจสูงถึง 35 บาท และบางฤดูกาลอาจต่ำลงเหลือ 18 บาท เฉลี่ยที่กิโลกรัมละ 20 บาท เกษตรกรสามารถอยู่ได้ เพราะขนุนปลูกง่าย ไม่ค่อยมีโรคระบาดเหมือนไม้ผลชนิดอื่นๆ” (วิธีการปลูกขนุนทองประเสริฐ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.thairath.co.th/content/943965)
สรุปว่า ขนุนทองประเสริฐ ยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ เพราะตลาดต่างประเทศยังต้องการสูง อยากเรียนรู้วิธีปลูก วิธีทาบกิ่ง ทางสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย จัดโครงการเกษตรสัญจร พร้อมกับอิ่มไม่อั้นผลไม้สดๆจากต้น ตามฤดูกาล โดยเฉพาะทุเรียนหลายหลายสายพันธุ์ที่ ระยอง –จันทบุรี ระหว่างวันที่ 3-4 มิถุนายน 2560 สอบถามได้ที่โทร. 02 9405426 และ 086 3401713
(ขอบคุณภาพ : คุณพิชญา พงศาวกุล สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย)