กลุ่มมิตรผลจัดค่ายศิลปะกลุ่มมิตรผล ปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “สุขจากสิ่งที่พ่อทำ” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ทรงทุ่มเทเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และหลักการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงอันนำมาซึ่งความสุข โดยปลูกฝังให้เยาวชนได้เรียนรู้ปรัชญาดังกล่าวผ่านการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่สื่อให้เห็นถึงความสุขจากการยึดหลักคำสอนของพระองค์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความสุขจากสุขภาวะร่างกายที่แข็งแรง ความสุขจากจิตใจที่ผ่องใส ความสุขจากคุณภาพชีวิตที่ดี และสังคมชุมชนเป็นสุข
นายคมกริช นาคะลักษณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานองค์กรสัมพันธ์และบริหารองค์กรเพื่อความยั่งยืน กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า การบ่มเพาะเยาวชนให้เข้าใจถึงหลักการดำเนินชีวิตในอนาคตต้องใช้วิธีโน้มน้าวให้เกิดความมีส่วนร่วมและพร้อมเปิดใจเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้ผ่านงานศิลปะเป็นรูปแบบหนึ่งที่เยาวชนชื่นชอบ ค่ายศิลปะกลุ่มมิตรผล ปีที่ 4 จึงจัดขึ้นภายใต้แนวคิด สุขจากสิ่งที่พ่อทำ เพื่อปลูกฝังให้เด็กๆ รู้จักความสุขที่ยั่งยืนจากการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
โดยปีนี้ได้นำเยาวชนลงพื้นที่เพื่อสัมผัสประสบการณ์สุขอย่างพอเพียงและเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะให้แก่เยาวชน เช่น ชมวิถีชีวิตแบบพอเพียง ณ แปลงเกษตรผสมผสาน หมู่บ้านนาหว้า-นาคำ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ชมโครงการอุโมงผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นต้น พร้อมๆ กับการซึมซับแนวคิดร่วมอยู่ ร่วมเจริญ ของกลุ่มมิตรผลที่ส่งเสริมให้ชุมชนเติบโตไปด้วยกันแบบยั่งยืน ด้วยการพัฒนา 5 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ รู้จักใช้จ่ายพอประมาณ รู้จักออมเงิน ด้านสังคม เรียนรู้จากต้นแบบที่ดี รู้จักแบ่งปันการเรียนรู้ ด้านสุขภาวะ รู้จักดูแลสร้างเสริมสุขภาพที่ดี ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รู้จักการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม และด้านจิตใจ รู้จักรักและช่วยเหลือกันในครอบครัวและชุมชน
ค่ายศิลปะกลุ่มมิตรผล ปีที่ 4 มีเยาวชนเข้าร่วมทั้งสิ้นกว่า 300 คน ซึ่งเป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงงานน้ำตาลมิตรผล อันประกอบด้วย โรงงานน้ำตาลมิตรผลด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี โรงงานน้ำตาลมิตรผลภูเวียง จังหวัดขอนแก่น โรงงานน้ำตาลมิตรผลภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ โรงงานน้ำตาลมิตรผลภูหลวง จังหวัดเลย และโรงงานน้ำตาลมิตรผลกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยทีมที่ชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับทุนการศึกษาเป็นเงิน 10,000 บาท ทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับทุนการศึกษาเป็นเงิน 8,000 บาท และทีมรองชนะเลิศอันดับ 2 จะได้รับทุนการศึกษาเป็นเงิน 5,000 บาท
อาจารย์สังคม ทองมี ผู้อำนวยการศูนย์ศิลป์สิรินธร จังหวัดเลย วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิผู้สอนศิลปะให้กับเยาวชนในกิจกรรมค่ายศิลปะกลุ่มมิตรผล ปี 2017 กล่าวว่า “ครูก็ยึดหลักการใช้ชีวิตพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มาเป็นหลักปฏิบัติในชีวิต ครูพอใจในสิ่งที่ตนเป็นอยู่ และมุ่งมั่นเปิดพื้นที่ทางศิลปะ ด้วยการเผยแพร่ความรู้ด้านศิลป์ให้กับเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางศิลปะ ศิลปะจะเป็นสื่อกลางที่ช่วยปลูกฝังและส่งเสริมค่านิยมและทัศนคติที่ดีให้กับเยาวชน เช่น การจัดค่ายศิลปะกลุ่มมิตรผลปีที่ 4 นี้ เด็กๆ จะได้ซึมซับแนวคิดการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงผ่านการเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานด้วยเทคนิค “ศิลปะสื่อผสม” ที่นอกจากจะช่วยพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์แล้ว เด็กๆ ยังได้เรียนรู้ว่าเศษวัสดุเหลือใช้ในครัวเรือนก็สามารถนำมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้ รู้จักใช้ทรัพยากรหมุนเวียน เห็นคุณค่าว่าศิลปะเกิดจากสิ่งที่มีอยู่รอบตัวก็สามารถสร้างสุขได้”
นางสาวกาญจนา ชัยปลื้ม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนภูเวียงวิทยาคม จังหวัดขอนแก่น สมาชิกจากทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า “ดีใจมากคะที่เข้าร่วมค่ายศิลปะ กลุ่มมิตรผลครั้งนี้ ทำให้มีโอกาสได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เกี่ยวกับปรัชญาการใช้ชีวิตพอเพียงและยิ่งรูสึกซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงร.9 เป็นแรงบันดาลใจให้ทีมช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะตามแนวคิดสุขจากที่พ่อทำ เพื่อสื่อถึงการทำเกษตรผสมผสาน ทั้งปลูกพืชผัก ทำนา เลี้ยงปลา ผ่านผลงานศิลปะสื่อผสม ซึ่งได้เรียนรู้และลองทำเป็นครั้งแรก ได้รู้จักการใช้วัสดุจากสิ่งของเหลือใช้ต่างๆ เช่น กระดาษจากชานอ้อย เศษเปลือกไม้ ข้าวเปลือก มาสร้างสรรค์และคุมโทนภาพทั้งหมดให้เป็นสีน้ำตาลทอง เพื่อสื่อความว่าแผ่นดินไทยแผ่นดินทองของพ่อหลวง และพอได้รับรางวัลชนะเลิศด้วยยิ่งดีใจและตื่นเต้นมากๆ”
นายณัฐพล ธาตุบุรมย์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนภูเวียงวิทยาคม จังหวัดขอนแก่น สมาชิกจากทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า “กิจกรรมที่ได้ลองทำที่แปลงเกษตรผสมผสาน ทำให้ได้เรียนรู้ว่าการใช้ชีวิตแบบพอเพียงนั้นทำได้ไม่ยาก และนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ เช่น การแบ่งพื้นที่ปลูกพืชสวนครัวไว้กินเอง การทำสบู่จากพืชสวนครัว เป็นต้น กิจกรรมนี้ทำให้เข้าใจแนวคิด “สุขจากที่พ่อทำ” ของการประกวดครั้งนี้ชัดเจนขึ้น จนทีมเราสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานศิลปะสื่อผสม ที่สร้างจากเศษวัสดุธรรมชาติ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศด้วย ผมก็จะกลับไปถ่ายทอดให้คนรอบข้างผมนำหลักการใช้ชีวิตพอเพียงนี้ไปใช้เพื่อส่งความสุขต่อไปครับ”