เรื่องโดย : สิริพร ประสานเวช
สะตอพันธุ์ตรัง 1 ภายใต้การวิจัยของศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง กรมวิชาการเกษตร กำลังถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของการพัฒนาสายพันธุ์สะตอ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจพื้นบ้านภาคใต้ ว่ามีจุดเด่นกว่าพันธุ์เดิมที่มีมา โดยเฉพาะให้ผลผลิตทั้งในและนอกฤดู คาดว่าในอนาคตจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของพืชเศรษฐกิจ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “เกษตรก้าวไกล” ได้ติดตามมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดนี้ มีความเคลื่อนไหวคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น หลังจากอดีตนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย ได้เดินทางไปดูความคืบหน้าของงานวิจัย โดยได้รับการเปิดเผยจาก นายบุญชนะ วงศ์ชนะ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษซึ่งเป็นหัวหน้าทีมผู้ทำการวิจัย พร้อมคณะนักวิจัยประกอบด้วย นางสุมาลี ศรีแก้ว นางชญานุช ตรีพันธ์ และ นางศุภาลักษณ์ อริยภูชัย บอกว่าสะตอพันธุ์ตรัง 1 เป็นสะตอข้าวที่ได้รับการสำรวจ และได้รับ คัดเลือกให้เป็นสะตอที่สามารถให้ผลผลิตออกนอกฤดู โดยการเก็บต้นพันธุ์จากสวนเกษตรกรจากแหล่งปลูกต่างๆ ในภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2540 -2543 จากนั้นจึงทำการบันทึกประวัติพันธุ์ ด้านการให้ผลผลิตนอกฤดูจำนวน 118 สายต้น( Clone) พบว่า มีสะตอข้าวที่ผ่านการคัดเลือก การให้ผลผลิตนอก ฤดูจำนวน 12สายต้น (Clone) และได้นำพันธุ์เหล่านี้มาขยายพันธุ์ โดยการติดตา ปลูกทดสอบเพื่อศึกษา การศึกษาการเจริญเติบโต การให้ผลผลิตนอกฤดู และคุณภาพของผลผลิตในศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี พ.ศ.2544 จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเป็นการเปรียบเทียบพันธุ์ พบว่าสะตอพันธุ์ตรัง 1 เป็นสายต้นที่ดีที่สุด สามารถให้เป็นผลผลิตทั้งในฤดู และนอกฤดูสูง คุณภาพของฝักและเมล็ดถือว่าดี สมควรที่จะเป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตร เพื่อที่จะได้เผยแพร่ให้เกษตรกรปลูกต่อไป
ลักษณะประจำพันธุ์ของสะตอพันธุ์ตรัง 1
จะมีลักษณะลำต้นตรงยาว มีใบประกอบแบบ ขนนก 2 ชั้น (bipinnate) จำนวน 20-21 คู่ใบ ดอกจะมีลักษณะเป็น Head เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 3 ปี หลังจากที่ปลูก (ต้นติดตา) ลักษณะของฝักตรงกว้าง 4 เซนติเมตร ยาว 40 เซนติเมตร มีเมล็ดเฉลี่ย 16 เมล็ดจะเฉลี่ยอยู่ที่ 16 เมล็ดต่อฝัก ตรงกว้าง 4เซนติเมตร ยาว 40 เซนติเมตร มีเมล็ดเฉลี่ย 16 เมล็ดต่อฝัก ลักษณะของเมล็ด จะมีขนาดเรียงชิดติดกันตลอดฝัก โดยปกติ เมื่ออายุ 10 ปี ต้นจะสูงเฉลี่ยต่อต้น 5 เมตร ขนาดของทรงจะเป็นพุ่มประมาณ 8 เมตร ให้ผลผลิตไม่น้อยกว่า 500 ฝัก ต่อต้นต่อปี โดยสามารถให้ผลผลิตมากกว่า 1 ครั้งในรอบปี คือจะให้ผลผลิตทั้งในฤดูระหว่างเดือน พฤษภาคม-ตุลาคม และนอกจากฤดู เดือนพฤศจิกายน-เมษายน เนื่องจากสะตอพันธุ์ตรัง 1 จะไม่มีการผลัดใบหลังการให้ผลผลิต และมีจำนวนใบย่อยประกอบจำนวนมาก จึงถือว่าสามารถสังเคราะห์แสงได้ดี
ลักษณะเด่นของสะตอพันธุ์ตรัง 1
1.จะให้ผลผลิตทั้งในฤดูและนอกฤดู เพราะไม่ทิ้งใบหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูทำให้สามารถให้ผลิตได้มากกว่า 1 ครั้งในรอบปี
- เมล็ดจะมีจำนวนมากกว่า 15 เมล็ดต่อฝัก ฝักตรงเมล็ดมีขนาดสม่ำเสมอเรียงชิดติดกัน ทำให้ง่ายการบรรจุฝักลงภาชนะ
ลักษณะพื้นที่ที่เหมาะต่อการปลูก
- ควรจะเป็นในพื้นที่ภาคใต้ไม่มีน้ำท่วมขัง
ข้อจำกัด
- สะตอพันธุ์ตรัง 1 หากปลูกในระยะหนึ่งปีแรก ลำต้นมีลักษณะเลื้อยเอน ต้องมีการใช้ไม้ค้ำ ประคองลำต้นให้ตั้งตรง จากนั้นก็ควรที่จะตัดยอดให้เป็นพุ่มสมดุลกับลำต้น สิ่งที่จำกัดอีกสิ่งหนึ่งคือ ไม่ควรปลูกในพื้นที่น้ำท่วม
อนึ่ง เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2560 นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี “ขวัญใจชาวตรัง” ,นาย กิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ,นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส. ตรัง ได้เดินทางไปเยี่ยม และติดตามผลการวิจัยสะตอสายพันธุ์ใหม่ “พันธุ์ตรัง1” ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง อ.สิเกา จ.ตรัง
โดย นาย ชวน หลีกภัย ได้กล่าวชื่นชมและอยากจะให้ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง “เป็นศูนย์วิจัยสะตอหนึ่งเดียวในโลก” และยังกล่าวอีกว่าอยากจะให้สถาบันวิจัยพืชสวนตรังทำงานวิจัยต่อเนื่อง ในเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับสะตออีกด้วย
นอกจากนี้ นายบุญชนะ วงศ์ชนะ กล่าวทิ้งท้ายว่า “การที่ตั้งใจทำวิจัยพันธุ์สะตอนอกฤดู เพราะอยากให้เกษตรกรมีพันธุ์ที่สามารถทำรายได้ เพราะนอกฤดูสะตอจะมีราคาแพง 3-4 เท่ากว่าราคาปกติ และรู้สึกภูมิใจที่มีสะตอพันธุ์แรกตรัง1 และอีกประมาณ 5 ปี จะมีพันธุ์ตรัง 2 ตอนนี้กำลังปลูกทดสอบที่ชุมพร ตรัง และ นราธิวาส”
สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับสะตอพันธุ์ตรัง 1 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง ราคาต้นละ40 บาท (แบบติดตา) โทร. 075 203394 ในวันเวลาราชการ.
(ขอบคุณภาพ : ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง)