สวนผลไม้เมืองแกลง จ.ระยอง โชว์เทคนิคบริหารจัดการสวนไม้ผลคุณภาพ เน้นทำการเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง บริหารจัดการแปลงอย่างเป็นระบบ พร้อมทำตลาดในรูปแบบขายตรง กำหนดราคาเองได้โดยตัดวงจรพ่อค้าคนกลาง

นายสมชาย บุญก่อเกื้อ เจ้าของสวนผลไม้ อุบล-สมบูรณ์ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เปิดเผยว่า ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรได้มีการตรวจวิเคราะห์สภาพดินในพื้นที่ จากเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งแต่เดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นสวนผลไม้ จำนวน 23 ไร่ ดินมีสภาพเป็นกรด ไม่เหมาะสมกับการเพาะปลูก หรือหากเพาะปลูกก็จะทำให้ผลผลิตน้อย จึงได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินระยอง ให้มีการปรับปรุงบำรุงดิน โดยใช้วัสดุปูน เพื่อปรับค่าความเป็นกรดของพื้นที่ และใช้ปุ๋ยหมักแทนการใช้สารเคมี ซึ่งช่วยให้ดินในพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตเพิ่มขึ้น

ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร
ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร

“ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการลดการใช้สารเคมีในสวนผลไม้แล้วถึงร้อยละ 80 โดยเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยหมัก ใช้ฮอร์โมนเร่งการเติบโต รวมถึงการผลิตสารขับไล่แมลง ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาที่ดิน ให้ใช้ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพ สารเร่งซุปเปอร์ พด.1 เพื่อผลิตปุ๋ยหมักใส่ในสวนผลไม้ สารเร่งซุปเปอร์พด. 2 เพื่อผลิตน้ำหมัก เร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้ สารเร่งซุปเปอร์พด. 3 เพื่อป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล และสารเร่ง ซุปเปอร์ พด. 7 เพื่อผลิตสารขับไล่แมลง รวมถึง การผลิตฮอร์โมน เพื่อเร่งความหวาน ความหนาของเนื้อผลไม้ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวที่เกษตรกรนำมาปรับใช้ อีกทั้งยังนำเอาเศษวัสดุเหลือใช้ภายในสวนกลับมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเน้นการปุ๋ยหมักกลับกอง และปุ๋ยหมักเติมอากาศ เป็นการลดต้นทุนการผลิต พร้อมกับทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สำหรับการใช้ปุ๋ยหมักในสวนนั้นจะมีการใส่ปุ๋ยหมักหลังจากเก็บผลผลิตไปแล้ว โดยจะใส่ปุ๋ยหมักรอบทรงพุ่ม ประมาณ 5 กิโลกรัมต่อต้น และมีการมีการพ่นสารเร่งซุปเปอร์พด. 2 เร่งการเติบโตของต้นไม้ผ่านระบบสปริงเกอร์ โดยพ่นรอบให้ต้นไม้ในปริมาณ 5 ลิตรต่อ 10 ต้น โดยจะต้องนำสารเร่งดังกล่าวเจือจางในน้ำเพื่อลดความเข็มข้นของสารเร่งและไม่ทำให้ต้นไม่ตาย” นายสมชายกล่าว

กระท้อนจากสวนคุณ สมชาย บุญก่อเกื้อ
กระท้อนจากสวนคุณ สมชาย บุญก่อเกื้อ

นอกจากการทำผลผลิตให้ได้ผลดีแล้ว เกษตรจะต้องมีการศึกษาตลาดว่าต้องการสินค้า หรือผลไม้ชนิดไหนแล้วจึงผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดปัญหาผลไม้ล้นตลาด ทำราคาตกต่ำ รวมถึงการนำเอาผลไม้ที่ปลูกได้ทำตลาดขายเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง หรือแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภคได้เลือกสรรและยังเป็นการถนอมอาหารอีกด้วย

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated