แอพพลิเคชั่น “LDD Soil Guide” เป็นนวัตกรรมด้านดินและปุ๋ยที่กรมพัฒนาที่ดินจัดทำขึ้น ซึ่งเป็นผลงานด้านนวัตกรรมและการออกแบบร่วมกับกลุ่ม Startup Thailand ทั้ง 10 กลุ่มสินค้า โดยแอพพลิเคชั่นนี้ เป็น 1 ใน 100 ผลงานนวัตกรรมที่ได้รับการคัดเลือกให้จัดแสดงในส่วนของนิทรรศการ Startup Showcase ในงาน Thailand Innovation and Design Expo 2017 (T.I.D.E.2017) ระหว่างวันที่ 14 – 17 กันยายน 2560 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

นายสุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า กรมฯ จะร่วมจัดแสดงนิทรรศการ พร้อมนักวิชาการประจำบูท เพื่อให้ความรู้ด้านดิน และวิธีการนำดินมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร เผยแพร่ความรู้เรื่องดินผ่านแอพพลิเคชันให้แก่ผู้เข้าร่วมงานนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ซึ่ง “LDD Soil Guide” นอกจากใช้บนโทรศัพท์มือถือแล้ว ยังสามารถใช้บนคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้อีกด้วย โดยเข้าไปในเว็บไซต์กรมพัฒนาที่ดิน www.ldd.go.th นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงผลงานการประดิษฐ์คิดค้น ด้านนวัตกรรมและงานออกแบบและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เป็นเวทีให้กับนักออกแบบ นักคิด นักประดิษฐ์ และผู้ประกอบการของไทยเผยแพร่ผลงาน สร้างปฏิสัมพันธ์ เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อก่อให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคต

“LDD Soil Guide เป็นแอพพลิเคชั่นที่นำเสนอแผนที่ดิน ข้อมูลและสมบัติของดิน พร้อมคำแนะนำในการจัดการดิน ปุ๋ย ตามความเหมาะสมสำหรับพืชรวมทั้งข้อจำกัดต่างๆ ในเบื้องต้น ควบคู่กับแอพพลิเคชั่น “ปุ๋ยรายแปลง” ซึ่งเป็นการให้คำแนะนำจัดการดินและปุ๋ย เมื่อมีการเก็บตัวอย่างดินและมีผลวิเคราะห์ดินเป็นรายแปลง โดยใช้แอพพลิเคชั่น LDD Soil Guide ในการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของพื้นที่ก่อน เพื่อให้ทราบสมบัติ ลักษณะของดิน ข้อจำกัด แนวทางจัดการดินและปุ๋ยของดินนั้นๆ หากหาแนวทางการจัดการดินและปุ๋ยได้ตามต้องการ สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงในพื้นที่ และสามารถนำคำแนะนำนั้นไปปรับใช้ไนพื้นที่ทำการเกษตรได้ทันที แต่หากมีข้อสงสัยในคำแนะนำที่อาจไม่ตรงกับสภาพพื้นที่ปัจจุบัน เนื่องจากมีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มข้นและขาดการบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี ทำให้ต้นทุนการผลิตพืชเพิ่มขึ้น ผลผลิตลดน้อยลง หรือคาดการณ์ว่าอาจจะมีปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีตกค้างมากเกินไป สามารถเก็บตัวอย่างดินส่งตรวจวิเคราะห์ได้ที่สถานีพัฒนาที่ดินหรือหมออาสาประจำหมู่บ้าน เมื่อได้รับผลการวิเคราะห์แล้ว ก็จะมีคำแนะนำการจัดการดินและปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพประกอบมาด้วย ซึ่งเกษตรกรสามารถนำคำแนะนำมาใช้ในการปรับปรุงพื้นที่ทางการเกษตรร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพกรมพัฒนาที่ดิน อาทิ สารเร่งซุปเปอร์ พด.1 เพื่อผลิตปุ๋ยหมัก สารเร่งซุปเปอร์ พด.2 เพื่อผลิตน้ำหมักชีวภาพ สารเร่งซุปเปอร์ พด.3 ป้องกันโรคโคนเน่าหรือรากเน่า สารเร่งซุปเปอร์ พด.6 บำบัดน้ำเสีย ขจัดกลิ่นเหม็นและกำจัดลูกน้ำยุงรำคาญ และสารเร่ง พด.7 ป้องกันแมลงและศัตรูพืช รวมถึงการปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน” อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1-12 สถานีพัฒนาที่ดินทุกจังหวัด หมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน/ชุมชน หรือ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมพัฒนาที่ดิน โทร. 0-2579-8515