ภาพ / ข่าว : จตุพล เกษตรก้าวไกล
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 ตุลาคม 2560 นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานงานวันก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชน ประจำปี 2560 โดยมีนายสุวนัย ทองนพ ,ดร.ยุวัฒน์ วุฒิเมธี, นายอภัย จันทนจุลกะ ,นายไพโรจน์ พรหมสาส์น และนายชุมพร พลรักษ์ อดีตอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหาร ข้าราชการและลูกจ้างกรมการพัฒนาชุมชน หน่วยงานภาคี พร้อมด้วยสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ ห้องสัมมนา 3003 ชั้น 3 กรมการพัฒนาชุมชน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เผยว่า “ในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นวันคล้ายวันก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชน ครบรอบปีที่ 55 และกำลังก้าวสู่ปีที่ 56 ซึ่งการทำงานในปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็น “ปีแห่งการเร่งเปลี่ยนแปลง” ได้มีการประกาศ Agenda ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย 3 ปัจจัยขับเคลื่อน คือ สัมมาชีพ , OTOP, และเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ “เศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน” หรือสัมมาชีพ ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพมีรายได้ ชาวบ้านสอนชาวบ้านด้วยกันเอง ต่อมาคือ “เศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้าขั้นที่ 1” หรือ OTOP นั่นคือพอมีอาชีพแล้ว ก็มีการรวมกลุ่มอาชีพเกิดเป็นวิสาหกิจชุมชน เป็นกลุ่ม OTOP ต่าง ๆ และพัฒนาสู่ “เศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้าขั้นที่ 2” นั่นคือรูปแบบที่เรียกว่า SE หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม คือมีการต่อยอดเครือข่าย เกิดผลกำไร แล้วนำกำไรที่ได้ไปสนับสนุนให้เกิดรายได้ กลุ่มอาชีพ กลุ่มเครือข่ายต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความยั่งยืน”
อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากผลงานซึ่งก่อให้เกิดผลดีและประโยชน์ต่อประชาชนอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ทำให้กรมฯได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นมากกว่า 7 พันล้านบาท ในปี 2561 และตำแหน่งพัฒนาการจังหวัดยังได้รับการกำหนดตำแหน่งเป็นระดับอำนวยการสูงเพิ่มขึ้น 32 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีรางวัลแห่งความภาคภูมิใจที่กรมฯได้รับเป็นรางวัลระดับประเทศ จำนวน 2 รางวัล คือ รางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2560 สาขาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ หมวด 1 ด้านการนำองค์การและความรับผิดชอบต่อสังคม และสาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม”
สำหรับในปีงบประมาณ 2561 กรมฯ ยังคงขับเคลื่อนงานใน 3 เรื่องหลัก คือ สัมมาชีพ OTOP และ SE แต่จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น และขยายขอบเขตของงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมให้ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งปี 2561 ยังเป็นการครบรอบ 55 ปีของการก่อตั้ง กรมฯ จึงตั้งเป้าที่จะสร้างสุข 2 เท่าให้กับชุมชน ซึ่งขณะนี้กรมฯ เดินมาถูกทางแล้ว จึงต้องขับเคลื่อนงานเพื่อสานต่อในเรื่องเดิมต่อไป แต่จะทำให้มากขึ้น เพิ่มความประณีต และเน้นการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ รวมถึงเชื่อมโยงการทำงานของหน่วยงานราชการและภาคีให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การขับเคลื่อนงานของกรมฯ ยังหนุนเสริมด้วย “การบูรณาการทุนชุมชน” เพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้แก่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นต้น
“ซึ่งงานและภารกิจเหล่านี้จะสำเร็จได้จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนทุกระดับ ผู้นำชุมชน องค์กรชุมชน และเครือข่าย ตลอดจนภาคีการพัฒนาต่าง ๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทั้งสิ้น ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราทุกคนจะยังคงมุ่งมั่น ทุ่มเท ร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อทำให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริง นำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและความสุขให้แก่ทุกชุมชนอย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าว