เรื่อง : เด็กเกษตรโว้ย/ ภาพ : โอ๋ OK ฟาร์ม/
ใครจะไปเชื่อว่า ที่บ้านตาลเดี่ยว ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ใกล้ๆกรุงเทพมหานครแค่นี้เอง จะมีอาชีพการทำนากุ้งคือเลี้ยงกุ้งก้ามกรามอยู่ด้วย เกษตรกรที่นี่ได้รวมตัวกันในนามกลุ่มเลี้ยงกุ้งบ้านตาลเดี่ยว และต่อมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมมองเห็นว่า การเลี้ยงกุ้งมีมาตรฐาน เกษตรกรรวมตัวกันเหนียวแน่น จึงถูกยกระดับเป็นชมรมมีกฎหมายรองรับ ภายใต้ชื่อว่า “ชมรมผู้เลี้ยงสัตว์น้ำดอนยายหอม” มีสมาชิกทั้งหมดกว่า 60 ราย มีบ่อเลี้ยงกุ้งรวมกันประมาณ 2,000 กว่าไร่

คุณธนู หอมชุนภิรมย์ หนึ่งในเกษตรกรแกนนำรุ่นแรกๆ และในฐานะประธานชมรมคนแรก (ดำรงตำแหน่งวาระละ 2ปี ปัจจุบันอยู่ในสมัยของประธานคนที่ 2) ได้เปิดเผยกับ “เกษตรก้าวไกล” ว่าวันนี้การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่สืบเนื่องมายาวนาน 18 ปี ยังคงเป็นอาชีพที่มั่นคง แต่ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงใหม่ จากเดิมที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามล้วนๆ มาเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมร่วมด้วย
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่เมื่อปีที่แล้วคุณธนู ยังบอกอยู่เลยว่า “ตั้งแต่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามมา 15 ปี (คุณธนูเข้ามาในปีที่ 3 จาก 18 ปีที่มีการเลี้ยง) ก็ยังไม่เห็นว่าราคาตัน” เรื่องนี้ได้รับคำตอบว่า “เมื่อปีที่ผ่านมาเราเลี้ยงกุ้งก้ามกรามอย่างเดียวราคาตก จึงหันมาเลี้ยงผสมผสานกับกุ้งขาวเพื่อประคองราคาให้อยู่ได้ คือขณะที่กุ้งก้ามกรามราคาตก แต่กุ้งขาวก็ยังมีราคาอยู่” อีกเหตุผล “การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามร่วมกับกุ้งขาวจะช่วยลดต้นทุนเรื่องอาหาร เพราะว่ากุ้งทั้งสองช่วยเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน” และอีกเหตุผล “เลี้ยงกุ้งขาวใช้เวลาน้อยแค่ 65 วันก็จับรอบแรกได้ ใน 1 ปี สามารถเลี้ยงได้ 2-3 รุ่น ในขณะที่กุ้งก้ามกราม เลี้ยงได้ปีละ 1 รุ่นเท่านั้น” (ปกติเลี้ยงกุ้งก้ามกรามเพียงอย่างเดียวที่ใช้เวลามากกว่า เพราะปล่อยกุ้งแน่นกว่า ประมาณ 7,000 ตัว/ไร่ แต่เลี้ยงร่วมกุ้งขาวปล่อยเพียง 4,000 ตัว จึงทำให้โตเร็วกว่า)

ในการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามร่วมกับกุ้งขาวไม่ได้เลี้ยงเฉพาะคุณธนูเพียงคนเดียวแต่สมาชิกประมาณ 70% หันมาเลี้ยงแบบเดียวกัน ซึ่งเวลานี้การเลี้ยงได้ผ่านไป 2 รุ่นแล้ว ถือว่าได้ผลสำเร็จอย่างน่าพอใจ โดยคุณธนูมีการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามร่วมกับกุ้งขาวทั้งหมด 3 บ่อ เนื้อที่รวมกันกว่า 15 ไร่
ถามถึงขั้นตอนและวิธีการเลี้ยงว่ายากไหม ได้รับคำตอบจากคุณธนู ว่า “การเลี้ยงกุ้งต้องเริ่มจากการเตรียมบ่อ เตรียมน้ำ ถ้าเป็นบ่อเก่าที่เลี้ยงอยู่แล้ว จะสูบน้ำออกให้หมดและตากบ่อให้แห้ง ตามด้วยการหว่านปูนมาร์ลเพื่อฆ่าเชื้อที่สะสมในบ่อ ระดับน้ำจะเติมเข้าบ่อ ประมาณ 1.2 เมตร (ถ้าเป็นหน้าหนาว 80-90 ซ.ม.) ใช้ระยะเวลา 7-10 วัน จึงจะย้ายกุ้งก้ามกรามจากที่เลี้ยงอนุบาลไว้ลงไปก่อน พอสัก 2-3 วัน หรือไม่เกิน 10 วัน ก็ปล่อยกุ้งขาวตามลงไป ซึ่งสามารถลงกุ้งขาวพร้อมกันได้ กรณีกุ้งขาวจะต้องปรับสมดุลให้เลี้ยงในบ่อน้ำจืดได้ วิธีการคือใช้ผ้าใบล้อมทำเป็นคอกในบ่อใหญ่ขนาด 4 × 6 ถึง 4 × 8 เมตร ใช้น้ำในบ่อใส่ลงไปตามด้วยน้ำทะเลประมาณไม่เกิน 2 ลบ.ม. สองน้ำรวมกันให้มีความเค็ม 3 แต้ม (แต้มเป็นภาษาวัดระดับความเค็มของเกษตรกร หรือ PPT) ซึ่งน้ำทะเลที่มีความเค็มระดับนี้ จะมีอัตราการรอดมากกว่าใช้เกลือแทน…เมื่อนำกุ้งขาวลงคอกตอนเช้าพอตกช่วงเย็นให้ปล่อยน้ำจืดเข้ามาครึ่งชั่วโมง โดยการใช้ท่อ 1.5 นิ้วดูดเข้าดูดใส่ ทำอยู่เช่นนี้เป็นเวลา 3 วัน พอวันที่ 4 ลดผ้าใบทั้งสองด้านลึกฝ่ามือหนึ่งให้น้ำไหลผ่านได้(ค่อยๆผ่อนน้ำเข้าไป)ทิ้งไว้ถึงวันที่ 7 จึงรื้อคอกผ้าใบออกคือปล่อยให้กุ้งขาวออกสู่โลกกว้างในบ่อใหญ่ไปอยู่ร่วมกับกุ้งก้ามกรามได้

อัตราการปล่อยกุ้งเลี้ยงแต่ละครั้งมีสูตรว่า ปล่อยกุ้งก้ามกราม 4,000 ถึง 5,000 ตัว/ไร่ ขนาดกุ้ง 300 ตัว/กิโลกรัม ส่วนกุ้งขาวปล่อย 20,000 ตัว/ไร่ ขนาดกุ้ง พี 12 (ตัวเล็กขนาดเส้นด้าย) ถ้าเกินกว่านี้จะไม่เป็นผลดี
วิธีการเลี้ยงกุ้งขาวร่วมกุ้งก้ามกราม ใช้อาหารกุ้งขาวเป็นหลัก เป็นอาหารที่มีโปรตีน 40% เริ่มต้นจากอาหารเบอร์ 1 ให้วันละ 1 มื้อเวลาเย็น จนถึงอายุกุ้ง 15 วัน เปลี่ยนเป็นให้อาหารเบอร์ 2 วันละ 2 มื้อเช้ากับเย็น จนอายุกุ้ง 30 วัน ให้อาหารเบอร์ 3 เอส พออายุกุ้ง 40 วัน เปลี่ยนเป็นอาหารเบอร์ 3 และเมื่อกุ้งมีอายุ 45 วัน เปลี่ยนเป็นอาหารเบอร์ 4 เอส ให้อาหารเบอร์นี้ไปจนกุ้งอายุ 65 วันก็จับกุ้งได้
อัตราการให้อาหารมีหลักการว่าให้ดูที่ตัวกุ้งว่าโตขนาดไหนกับการกินอาหารว่ากุ้งกินหมดหรือไม่หมดด้วย ซึ่งผู้เลี้ยงสามารถศึกษาการให้อาหารเพิ่มเติมได้จากข้อมูลทั่วไป (หรืออ่านประกอบบทความนี้… “เลี้ยงกุ้งก้ามกรามให้ลดต้นทุน” โดย สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร https://www.kasetvoice.com/post/2696 )
เคล็ดลับอยู่ที่การดูแลจัดการ โดยเฉพาะจะต้องให้แร่ธาตุรวม ซึ่งปกติการเลี้ยงกุ้งขาวที่เป็นน้ำกร่อย(ในพื้นที่น้ำเค็ม)จะมีแร่ธาตุตามธรรมชาติอยู่บ้าง แต่เมื่อนำมาเลี้ยงน้ำจืด 100% จะต้องให้แร่ธาตุเสริมในตอนกลางคืน และใส่ปุ๋ยสูตร 0-0-60 ไร่ละสองกิโลกรัม ทุกๆ 10 วัน โดยเริ่มให้ตั้งแต่กุ้งอายุ 20 วันขึ้นไป

เมื่อเลี้ยงกุ้งไปได้ 65 วัน จึงจะจับกุ้งได้ โดยวิธีการจับนั้นจะใช้อวนลากให้กุ้งมาอยู่รวมกัน และคัดเอาเฉพาะกุ้งขาวที่ได้ขนาด 65-70 ตัว/กิโลกรัม สรุปรอบแรกจับกุ้งขาวได้ 2,000 กิโลกรัม ขายได้กิโลกรัมละ 165 บาท ส่วนกุ้งก้ามกรามในรอบแรกนี้จับได้ก็ปล่อยไปก่อน พอเลี้ยงไปอีก 1 เดือนก็ทำการจับรอบ 2 จะทำการจับแบบปิดบ่อ คือจับทั้งหมดทั้งกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม ซึ่งเพิ่งจับครั้งล่าสุดเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สรุปได้กุ้งทั้งสองชนิดรวมกัน 4,700 กิโลกรัม สำหรับการขาย จะขายกันอยู่ที่หน้าฟาร์มหรือเรียกว่าปากบ่อ เพราะมีกุ้งก้ามกรามด้วย การจับจะจับเป็นต้องใส่ถังออกซิเจน ส่วนกุ้งขาวจะเป็นการดองน้ำแข็ง ราคากุ้งกรณีกุ้งก้ามกราม 13 ตัว/กิโลกรัม ราคาจะไม่นิ่งอยู่ที่ประมาณ 250 -300 บาท ส่วนตัวเมีย 35 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาอยู่ที่ 170-190 บาท ส่วนกุ้งขาว 40 -42 ตัว/กิโลกรัม อยู่ที่ราคา 180-200 บาท
ถามคุณธนูว่าราคาที่ขายได้มีต้นทุนกำไรอย่างไร ได้รับคำตอบว่า ราคาการซื้อขายคุ้มกับต้นทุนเลยทีเดียว คือกุ้งขาวกับก้ามกรามรวมกันต้นทุนอยู่ที่ 100-150 บาทต่อกิโลกรัม ขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 250 บาท เฉลี่ยแล้วกำไรจะอยู่ที่ 100 -150 บาทต่อกิโลกรัม

“ผมถือว่าราคาที่ขายได้เกินคุ้ม ต้นทุนกำไร 50/50 แต่ก็ต้องเลี้ยงให้ได้อัตรารอดมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาเลี้ยงไป 2 รุ่น ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี เพราะมีการศึกษาการเลี้ยงอย่างรอบคอบ ค่อยทำค่อยไป และข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือเลี้ยงกุ้งขาวร่วมด้วยมันจะช่วยลดทุนเรื่องค่าอาหาร เพราะว่ากุ้งขาวจะกินอาหารด้านบน ส่วนอาหารที่ตกไปด้านล่างจะเป็นของกุ้งก้ามกราม”
สรุปให้อีกครั้งก็คือว่า จับกุ้งรอบที่ 1 ได้ทุนคืน (คุณธนูขายกุ้งรอบแรกได้ 3 แสนกว่าบาท ขณะที่ต้นทุน 2 แสนกว่าบาท) ส่วนจับรอบที่ 2 กำไรแบบเห็นๆ “ใครอยากเลี้ยงกุ้งก้ามกรามร่วมกุ้งขาว ในแบบน้ำจืด 100 % ถูกต้องตามกฎหมาย มาตรา 9 ของ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 (ไม่ต้องทะเลาะระหว่างชาวนาข้าวกับชาวนากุ้ง) โทร.ถามผมได้ หรือจะมาศึกษาดูงานก็เชิญได้…ผมยินดีต้อนรับทุกคนทุกคณะครับ”

หมายเหตุ : คุณธนู หอมชุนภิรมย์ เลขที่ 15/3 หมู่ที่ 6 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โทร. 095 1509019