ไม่น่าเชื่อ! ว่าหอยทาก สัตว์ที่หลายคนเคยรังเกียจ จะมีมูลค่าเป็นที่ต้องการของวงการเครื่องสำอางระดับโลก จนต้องเปิดฟาร์มเลี้ยงกันแล้ว…เพื่อให้เห็นกับตา “เกษตรก้าวไกล” จึงไปเยี่ยมชม “ฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศ” แห่งแรกของเอเชีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดงานวิจัยด้านหอยทากนานกว่า 30 ปี ที่เกิดจากรวมกลุ่มของทีมนักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา ,ศ.ดร.สุพจน์ หารหนองบัว,ศ.ดร.กฤษณะ เนียมมณี และศ.ดร.อัญชลี ทัศนาขจร เพื่อนำผลงานวิจัยนวัตกรรมคุณค่าแท้ เมือกหอยทาก สู่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชั้นนำสู่ตลาดไทยและก้าวไกลสู่ตลาดโลก ความคืบหน้าในขณะนี้ได้มีการเปิดฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศแห่งเดียวในเอเชีย เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์ “สเนลเอท” ต่อยอดงานวิจัยหอยทากพันธุ์ไทยก้าวสู่สินค้าระดับโลก

ฟาร์มสเนล อีโค่ ฟาร์ม ฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศแห่งแรกในเอเชีย ดำเนินงานโดย บริษัท สยามสเนล จำกัด (Siam Snail Eco Farm) ตั้งบนพื้นที่ 10 ไร่ บริเวณ หมู่ 2 ถนนร่วมพัฒนา แขวงลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก กทม. ศ.ดร.สมศักดิ์ เล่าว่า ฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศได้เลี้ยง “หอยนวล” ซึ่งเป็นหอยที่ให้ปริมาณน้ำเมือกที่มีสารออกฤทธิ์สำหรับนำไปใช้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางในปริมาณมากกว่าหอยทากชนิดอื่นๆ โดยวิธีการเลี้ยงอยู่ภายใต้ระบบที่ควบคุมทั้งอุณหภูมิและความชื้นให้ใกล้เคียงกับกึ่งธรรมชาติของหอยให้มากที่สุด และได้ขุดสระน้ำให้มีความลึกถึง 5 เมตร เพื่อควบคุมให้มีความชื้นตลอดทั้งปี ปัจจุบันมีหอยนวลในฟาร์ม 10,000 ตัว ในอนาคตตั้งเป้าจะเลี้ยงให้ได้ 100,000 ตัว

ฤดูที่เหมาะกับการให้เมือกมากที่สุด ฤดูหนาวกับฝน เพราะว่ามันชื้น แต่ถ้าฤดูร้อนหรือแล้ง หอยนวลจะไม่ชอบ ปริมาณเมือกที่ผลิตออกมา 1 ตัว ต่อวัน คือ 1 ซีซี ใช้เวลาในการสะกิด หรือรีดเมือก 1-2 นาที ต่อ 1 ตัว

วิธีการเก็บเมือกหอยนวลนั้น ต้องอาศัยการสัมผัสส่วนแมนเทิล (mantle) อย่างเบามือเพื่อที่หอยทากจะได้หลั่งเมือกที่ดูที่สุดออกมา โดยมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ 6 ชนิด คือ สารต้านเชื้อแบคทีเรีย กรดไกลโคลิค ช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้ว อาลันโทอิน ช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่ กรดไฮยาลูโรนิค ช่วยผยุงเนื้อเยื่อให้ตึงและสะสมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินเอ ดี อี ช่วยบำรุงผิวพรรณ

ศ.ดร.สมศักดิ์ เล่าต่อว่า หากเป็นเมือกจากส่วนเท้าของหอยทากที่จะหลั่งออกมาเป็นทางเมื่อเดินไปตามพื้น มีสารต้านเชื้อแบคทีเรียแต่ไม่มีสารบำรุงผิว หากนำมาทาหน้า หรือให้ทากเดินบนใบหน้า จะทำให้รูขุมขนอุดตันและเป็นสิวได้ ปัจจุบันสยามสเนล ได้นำเมือกจากหอยนวล และบางส่วนจากหอยนกขมิ้นกับหอยทากสยามมาผลิตเป็นเครื่องสำอาง 4 ชนิด คือ ครีมบำรุงผิวสูตรกลางวัน ครีมบำรุงผิวสูตรกลาง เซรั่มลดเลือนริ้วรอย และเซรั่มเพื่อผิวกระจางใส

ด้านยอดขายเมื่อปี 2015 ซึ่งเป็นการผลิตและจำหน่ายกันเอง มียอดขายประมาณ 20 กว่าล้านบาท และในปีนี้หลังจากได้ร่วมมือกับผู้ถือหุ้นใหม่ ได้เพิ่มตัวผลิตภัณฑ์ บวกการขยายตลาดมากขึ้น และทำแบนด์ดิ้ง จึงทำให้ยอดขายปี 2016ขยับขึ้นมาถึง 300 กว่าล้านบาทถือว่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ส่วนด้านการลงทุนที่ผ่านมา บริษัทลงทุนไปมากว่า 50 ล้านบาท ในจำนวน 20 ล้านบาทเป็นการลงทุนสิ่งก่อสร้าง ซึ่งเป็นฟาร์มกึ่งธรรมชาติ รวมทั้งโรงรีดเมือก โรงกรองเมือกและผลิตเมือก ซึ่งเป็นวัตถุดิบในประเทศไทยทั้งหมด จากนั้นส่งไปแปรรูปเครื่องสำอางที่เกาหลีใต้