“เกษตรกร” นับเป็นอาชีพที่เต็มไปด้วยความความวิริยะอุตสาหะ ต้องอุทิศทั้งกายและใจ ไม่ง่ายเลยที่เกษตรกรคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องฝ่าฟันในแต่ละวัน อย่างเช่นเรื่องราวของ “อนาวิน รุ่งโรจน์พันทวี” ชาวเขาเผ่าอาข่าคนหนึ่ง ที่ได้ใช้ความพยายาม อดทน และมุ่งมั่น เอาชนะความยากลำบากต่างๆ จนกระทั่งเขาประสบความสำเร็จในธุรกิจกาแฟ สามารถส่งออกเมล็ดกาแฟขายในตลาดต่างประเทศ และมีแบรนด์เป็นของตนเองชื่อ “กาแฟชาวอาข่า” ด้วยความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของคุณอนาวิน เขาจึงได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “เกษตรคนแกร่ง” จากฟอร์ด ประเทศไทย เพื่อร่วมถ่ายทอดเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นต่อไป
คุณอนาวิน รุ่งโรจน์พันทวี แห่งบ้านแม่จันใต้ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เติบโตมาในชุมชนซึ่งมีการปลูกฝิ่นสืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย แต่เขาตระหนักได้ว่า การปลูกฝิ่นนอกจากผิดกฎหมายแล้ว การเสพติดฝิ่นก็ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของชาวบ้านอีกด้วย เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริให้ชาวไทยภูเขาเลิกปลูกฝิ่นหันมาปลูกพืชเมืองหนาวอื่นทดแทน คุณอนาวินจึงได้เริ่มต้นการปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิกาหาเลี้ยงชีพโดยรับตัวอย่างกล้ากาแฟจากศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดเชียงราย หรือเกษตรที่สูง เมื่อเห็นว่าหลายๆ พื้นที่ เช่น ดอยช้างสามารถปลูกกาแฟได้ผลดี “บ้านแม่จันใต้” ซึ่งมีสภาพพื้นที่และสภาพอากาศใกล้เคียงกันก็น่าจะปลูกได้เหมือนกัน
กาแฟชาวอาข่า…กล้าที่จะเปลี่ยน
สำหรับการปลูกกาแฟนั้น คุณอนาวินเผยว่า “เราเริ่มที่จะปลูกในฤดูฝนและเลือกต้นกล้าที่แข็งแรง ปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศและสภาพอากาศ คือ ต้องอยู่บนดอยที่ไม่สูงนัก ไม่เช่นนั้นจะแห้งแล้งเกินไป มีอากาศเย็นตลอดปี อย่างเช่นพื้นที่ที่เคยปลูกฝิ่นมาก่อนเป็นพื้นที่ที่สามารถปลูกกาแฟได้ดีมีคุณภาพ นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า “เปลี่ยนแดนฝิ่น เป็นถิ่นกาแฟ” นั่นเอง”
นอกจากกาแฟอาราบิกา คุณอนาวินยังปลูกชาอัสสัมและผลไม้เมืองหนาวอื่นๆ รวมอยู่ด้วย เช่น บ๊วย ท้อ เชอร์รี่ พลับ และส้ม เขาให้เหตุผลว่า ผลไม้เหล่านี้ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอมและจะมีรสชาติของผลไม้ติดอยู่ กลายเป็นจุดเด่นหนึ่งของกาแฟชาวอาข่าที่สามารถส่งออกไปขายยังหลายๆ ประเทศ และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของกาแฟชาวอาข่าคือ คุณอนาวินรับรองว่าไม่มีตัวมอดมากินเมล็ดกาแฟแน่นอน เพราะสภาพอากาศของบ้านแม่จันใต้หนาวเย็นจนมอดไม่สามารถอยู่ได้ และเขาจะไม่ใช้กระสอบจากหมู่บ้านอื่นมาบรรจุเมล็ดกาแฟของบ้านแม่จันใต้ด้วย
อย่างไรก็ดี เส้นทางการทำไร่กาแฟของชาวอาข่าผู้นี้ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก ทั้งกล้ากาแฟที่ได้รับแจกจากเกษตรที่สูงไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซ้ำยังโดนกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง เนื่องจากเริ่มมีผู้ปลูกกาแฟมากขึ้นทำให้เกิดการแข่งขันสูง เรื่องที่ทำให้เขาทดท้อใจมากที่สุดคือ การถูกหมู่บ้านอื่นๆ กีดกัน และกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของการทำลายระบบนิเวศน์ ทำให้แหล่งน้ำปนเปื้อน แม้ว่าเขาไม่ได้ใช้สารเคมี หรือยาฆ่าแมลงในการทำไร่ก็ตาม
“ผมเคยท้อใจว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าเราไม่ได้ปลูกกาแฟ เราก็ไม่รู้จะทำอะไรกิน เพราะตอนนี้กาแฟกับชาเป็นแหล่งรายได้หลัก แต่ผมก็ใช้ความบริสุทธิ์ใจเข้าสู้ พูดไปตามที่เราใช้ชีวิตกันจริง เราทำมาหากินยังไงก็บอกไปตามนั้น หน่วยงานราชการก็เห็นแล้วว่าพวกเราชาวบ้านแม่จันใต้มีความซื่อสัตย์ พูดความจริง ไม่มีใครยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เรามีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นได้เพราะปลูกชากาแฟ” เกษตรคนแกร่งกล่าว โดยเสริมว่า บ้านแม่จันใต้ยังได้รับคำชื่นชมจากทางการด้วยว่าสามารถอนุรักษ์ป่าต้นน้ำได้ดี
เมื่อไร่กาแฟเริ่มอยู่ตัว คุณอนาวินก็ได้ขยายธุรกิจเปิดร้านกาแฟเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งโดยเริ่มจากการเช่าพื้นที่ในเมืองเปิดร้านกาแฟเล็กๆ และตอนนี้ขยายกิจการมาเปิดร้านกาแฟบนต้นไม้ในพื้นที่ของตัวเอง รายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับมูลนิธิหัวใจอาข่าที่เขาเป็นคนตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส คอยดูแลและส่งเสริมให้เด็กเหล่านั้นให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาเพื่อจะได้เป็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติต่อไป
“เมื่อก่อนเคยมีคนช่วยให้ผมได้มีการศึกษา แม้จะไม่สูงนัก ผมจบแค่ ม.3 วันนี้ถึงเวลาที่ผมจะช่วยเหลือคนอื่น ถ้าเขามีใจเรียน ผมก็อยากจะช่วยจนเขาเรียนจบปริญญาตรี” คุณอนาวินกล่าว
ภูมิใจที่ได้เป็น “เกษตรคนแกร่ง”
ด้วยความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ความแกร่งในการยืนหยัดต่อสู้ เอาชนะสิ่งกีดขวาง ท้าทายทุกอุปสรรคจนประสบความสำเร็จ คุณอนาวินจึงได้รับเลือกจากฟอร์ด ประเทศไทยให้เป็นหนึ่งใน “เกษตรคนแกร่ง” อันเป็นแคมเปญเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมอาชีพเกษตรกร ที่ต้องมีความแกร่งทั้งกายและใจในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เช่นเดียวกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ กระบะ “เกิดมาแกร่ง” ที่มีเครื่องยนต์อันทรงพลัง พร้อมช่วงล่างและสมรรถนะการขับขี่เหนือระดับ ผสมผสานกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเพื่อความปลอดภัย จึงสามารถตอบโจทย์ทั้งการบรรทุกงานหนัก และการใช้งานที่สมบุกสมบันในทุกรูปแบบของงานเกษตร
“ที่ผ่านมาการใช้ชีวิต การทำไร่ของผมเจออุปสรรคมาไม่น้อย แม้แต่การเดินทางและการช่วยเหลืองานจิตอาสาต่างๆ ในแต่ละวันต้องเจอกับเส้นทางที่ยากลำบาก ทั้งขึ้นเขา ลงเขา ลุยน้ำ ลุยโคลน แต่ผมหมดห่วงเพราะมี ฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ผมเชื่อมั่นในสมรรถนะ ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ขับ ทั้งยังบรรทุกปุ๋ย ต้นกล้า เมล็ดกาแฟและสิ่งของอื่นได้เต็มที่ แกร่งถูกใจผมจริงๆ” เกษตรคนแกร่งกล่าว “ผมดีใจ แล้วก็ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้ เพื่อจะได้มีโอกาสเผยแพร่ความเป็นอยู่ของชาวบ้านแม่จันใต้และโปรโมทอาชีพเกษตรกร ผมหวังว่าแคมเปญนี้ของฟอร์ดจะช่วยเป็นแรงบันดาลให้คนที่ทำอาชีพเดียวกับผม และคนอื่นๆ ใช้ความแกร่งในตัวคุณ เอาชนะทุกอุปสรรคเหมือนกับผม”
ทั้งนี้ ฟอร์ดขอเชิญชวนผู้เป็นเจ้าของ ฟอร์ด เรนเจอร์ ทุกท่าน ร่วมกันส่งเรื่องราวความแกร่งในแบบฉบับของตัวคุณกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ คู่ใจ ผ่านเฟซบุ๊กฟอร์ด ประเทศไทยและสื่อพันธมิตร ในระหว่างวันที่ 1-17 ธันวาคม พ.ศ.2560 โดยฟอร์ดและสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย จะคัดเลือกสุดยอดเกษตรกรคนแกร่ง 3 คนสุดท้าย เพื่อร่วมโหวตกันบนเฟซบุ๊กฟอร์ด ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 20-27 ธันวาคม สำหรับเรื่องราวความแกร่งของผู้ชนะการโหวต นอกจากจะได้ขึ้นทำเนียบ “เกษตรคนแกร่ง” ของฟอร์ดแล้ว ยังจะได้รับการจัดทำเป็นวิดีโอเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นต่อไป พร้อมรับแพ็คเกจการบำรุงรักษารถฟอร์ดมูลค่า 50,000 บาทอีกด้วย
หมายเหตุ : สอบถามรายละเอียดการเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ คุณจินตนา จูตะเสน โทร. 089 9245213 คุณกมลพัชร ยะรังสี 081 6556934 หรือ คุณวชิรภรณ์ พรพิทยาเลิศ โทร. 080 4494246