นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเพื่อขับเคลื่อนงานของสภาเกษตรกรแห่งชาติในการส่งเสริมและพัฒนาความเข้มแข็งแก่เกษตรกรและองค์กรเกษตรกร

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างร่วมงานสัมมนาขับเคลื่อนงานของสภาเกษตรกรแห่งชาติ ในการส่งเสริมและพัฒนาความเข้มแข็งแก่เกษตรกรและองค์กรเกษตรกร ว่าตนเองเพิ่งเดินทางทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น จึงยกตัวอย่างความสำเร็จของการพัฒนาสินค้าเกษตรของจังหวัดโออิตะ ซึ่งเป็นจังหวัดฐานะยากจนสุดของญี่ปุ่น เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร พัฒนาเกษตรแบบผสมผสานเชื่อมโยงข้อมูลทุกสหกรณ์ในประเทศสำรวจตลาดว่าต้องการสินค้าประเภทใด

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวบนเวทีระหว่างร่วมงานสัมมนา

“เขาใช้รูปแบบการตลาดเป็นตัวนำใช้เทคโนโลยีพัฒนาเกษตรเดี๋ยวนี้จังหวัดฟูกูโอกะ โออิตะ กลายเป็นเมืองเทคโนโลยีเกษตร อย่างเช่นเขาปลูกมะนาวกันเยอะก็นำมาแปรรูปเป็นน้ำมะนาว ปลูกชาก็เป็นชาชงชื่อดังที่สุดในญี่ปุ่น ปลูกสตอร์เบอรี่ก็ทำไอศครีม จากนั้นสหสกรณ์นำผลผลิตทางเกษตรมาจำหน่ายตามที่พักริมทาง คือเขาเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวชุมชน และสหกรณ์ของเขาค้าขายระบบอีคอมเมิร์ซ สามารถสร้างรายได้ 600 – 700 ล้านบาทต่อปี ทำให้อาชีพเกษตรกรมีรายได้ดีขึ้นเป็นอาชีพภาคภูมิใจ” 

บรรยาการในงานการสัมมนา
บรรยากาศสัมมนาเพื่อขับเคลื่อนงานของสภาเกษตรกรแห่งชาติ ในการส่งเสริมและพัฒนาความเข้มแข็งแก่เกษตรกรและองค์กรเกษตรกร

นายสมคิด กล่าวอีกว่า นอกจากสหกรณ์ สภาเกษตรกรฯแล้ว รัฐบาลยังต้องการสร้างสมาร์ทฟาร์มเมอร์ เป็นผู้นำเกษตรกรในชุมชน  ซึ่งขณะนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สร้างหัวขบวนได้แล้ว 7,000 ราย เพื่อให้คนรุ่นใหม่ใช้ความรู้ เทคโนโลยี มาพัฒนาการผลิต ช่องทางการตลาด เพื่อใช้ E-Commerce ขายไปยังต่างชาติ เพราะแนวโน้มกระแสโลกค้าขายผ่านออนไลน์มากขึ้น ขณะที่รัฐบาลเร่งติดตั้งอินเทอร์เน็ตบอร์ดแบรนด์ไปถึงทุกหมู่บ้าน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกันดูแล เพื่อส่งเสริมตลาดประชารัฐเกิดขึ้นทั้งประเทศ

“วันนี้ปาล์มราคา 4 บาทต่อกิโลกรัม เริ่มเป็นที่พอใจของเกษตรกร ยางพารายังต้องดูแลเพิ่ม เพื่อลดพื้นที่ปลูกยาง 11 ล้านไร่ หวังผลักดันไม่ให้ต่ำกว่า 50 บาทต่อกิโลกรัม ข้าวราคาเป็นที่พอใจ ปีที่ผ่านมาราคาดีขึ้นตามลำดับ รัฐบาลต้องการดูแลราคาสินค้าเกษตรทั้ง 3 ประเภทให้เข้มแข็งและต้องปลูกพืชผสมผสานอื่นเพิ่ม เพื่อลดความเสี่ยง และยังสั่งการให้ ธ.ก.ส.พิจารณาอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับเกษตรกรให้เหมาะสม” 

บรรยาการในงานการสัมมนา
ผู้เข้าร่วมสัมมนามาจากจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ

นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงเดือนมีนาคม เมษายน งบกลางปี 100,000 ล้านบาท จะเริ่มออกสู่ระบบเมื่อผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 35,000 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย 20,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโกดังเก็บสินค้าเกษตร สร้างไซโล ยุ้งฉาง สำหรับเก็บรักษาผลผลิต รวมทั้งการลดพื้นที่ปลูกข้าวนอกเขตชลประทาน  และรัฐบาลยังจัดงบประมาณปี 2562 มุ่งพัฒนาเกษตรกรเป็นสำคัญ การมอบหมายให้ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสินเป็นพี่เลี้ยงสถาบันการเงินประชาชน เพื่อให้เป็นแหล่งทุนและการสะสมเงินออม เพื่อต้องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมถ่ายรูปกับผู้บริหารสภาเกษตรกรแห่งชาติ นำโดยนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ และวิทยากรที่มาร่วมในงานสัมมนาครั้งนี้

“เมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายไทยนิยม เพื่อต้องการรับฟังความเห็นจากชาวบ้าน หวังออกนโยบายช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาได้อย่างตรงจุด ในช่วง 1 ปีจากนี้ไปจะลงพื้นที่ประชุม ครม.ให้ได้ 36 จังหวัดกระจายลงไปแต่ละภาค มุ่งใช้ศาสตร์พระราชาช่วยเหลือชุมชน เห็นตัวอย่างญี่ปุ่นยังช่วยเหลือเกษตรกร อนุรักษ์วิถีชีวิต จนดึงนักท่องเที่ยวเข้าไปถึงพื้นที่สร้างรายได้จำนวนมาก จึงต้องการให้เกษตรกรไทยเร่งปรับตัวพัฒนาสินค้าเกษตรผ่านการช่วยเหลือของสหกรณ์ องค์กรด้านเกษตร โดยรัฐบาลจะทำการเชื่อมภาคเกษตรกับการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย จากระดับเกษตรกรหรือประชาชนขึ้นมา ไม่ได้ปฏิรูปที่รัฐบาล แต่คือการปลุกคนให้ตื่นขึ้นมาเพื่อรักษาสิทธิของตัวเอง” รองนายกฯสมคิด กล่าวในที่สุด

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated