นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่จังหวัดสงขลา กล่าวว่า การสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ กระทรวงเกษตรฯ ต้องสนับสนุนและให้ตรงกับความต้องการของเกษตรกรเอง โดยสนับสนุนงบประมาณ ศูนย์บ่มเพาะฯ ละ 50,000 บาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้พร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ ซึ่งโครงการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น young smart farmer เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบันมี 7,598 ราย ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าหมายพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ 3,280 ราย การตั้งศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ จึงเป็นการสร้างจุดเรียนรู้ และตอบโจทย์ความต้องการในระดับพื้นที่ได้อย่างแท้จริง รวมทั้งเด็กๆ ยุวเกษตรกร เกษตรกรรุ่นใหม่ และผู้ที่สนใจ ได้จะมาศึกษาหาความรู้ ฝึกปฏิบัติจริงในแปลงเรียนรู้ เป็นแหล่งเชื่อมโยง young smart farmer ต้นแบบ เสมือนแหล่งถ่ายทอดความรู้เฉพาะด้านทุกสาขาการเกษตร สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เทคโนโลยีสมัยใหม่ นวัตกรรม หลักการธุรกิจเกษตร การผลิต การแปรรูป และการตลาด ตลอดห่วงโซ่อุปทาน”

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน กรมส่งเสริมการเกษตรจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะแล้ว 27 ศูนย์ และจะตั้งศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่อีก 50 ศูนย์ ให้ครบ 77 จังหวัด ตามโครงการพัฒนาผู้ประกอบการเกษตรรุ่นใหม่ ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อต่อยอดให้เกษตรกรรุ่นใหม่ เป็นผู้ประกอบการเกษตรรุ่นใหม่ที่จะมีเครือข่ายในการทำธุรกิจเกษตร และเป็นผู้นำด้านเกษตร 4.0 นอกจากนี้ศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ยังจะเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าเกษตรของเกษตรกรรุ่นใหม่ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้เครือข่ายเกษตรกรรุ่นใหม่ในพื้นที่อีกด้วย โดยศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่นี้ จะมี young smart farmer ต้นแบบ เป็นเจ้าของศูนย์ และต้องจะได้รับการคัดเลือกจากกรมส่งเสริมการเกษตร ในคุณสมบัติต่างๆ เช่น มีจิตอาสา ได้รับการยอมรับจากเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ มีความรู้เฉพาะด้าน สามารถถ่ายทอดความรู้ได้เป็นต้น และที่สำคัญจะต้องมีความเป็นผู้ประกอบการด้านการเกษตร สามารถผลิต แปรรูป และมีช่องทางการจำหน่ายผลผลิต ผลิตภัณฑ์ ต่างๆของตนเอง ในส่วนของสถานที่ตั้งศูนย์บ่มเพาะฯ จะประกอบไปด้วย แปลงเรียนรู้ สถานที่แสดงสินค้า (Show Room) ของเกษตรกรรุ่นใหม่ ในพื้นที่ การคมนาคมสะดวก เข้าถึงได้ง่าย รวมถึงมีสถานที่สำหรับการเจรจาธุรกิจสำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่ เป็นสถานที่แลกเปลี่ยน เรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง การจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ทั้ง 77 ศูนย์ทั่วประเทศนี้ จะเน้นกิจกรรมการเกษตรสมัยใหม่ ทั้ง การท่องเที่ยวเชิงเกษตร เน้นกิจกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนโดยชุมชน การแปรรูปผลผลิตเกษตรเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารและทำการตลาด การเกษตรผสมผสาน เน้นการปลูกพืชที่หลากหลาย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของดินแล้วจึงวางแผนการผลิต การออกแบบฟาร์ม และการวางระบบน้ำ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลผลิตมีมาตรฐานรับรอง ทำการเกษตรแบบปลอดภัย นำเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรมต่างๆ มาใช้เช่น การปลูกผักในโรงเรือนที่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้ โรงเรือนเพาะเห็ดที่สามารถปรับอุณหภูมิและความชื้นได้ การทำการตลาดหลากหลายใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ เช่น การขายผ่านระบบออนไลน์ ศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่เหล่านี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาภาคการเกษตรของไทยให้เกษตรกรก้าวขึ้น เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการเกษตรที่มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้ ก้าวทันโลกและเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างภาคภูมิ” นายสมชาย กล่าว

2 จากซ้ายฆ และนายสมชาย ชาญณรงค์กุล (คนซ้าย) กำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับศูนย์บ่มเพาะฯ จากนายกรวิชญ์ มาระเสนา เป็นประธานศูนย์
สำหรับศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ จ.สงขลา มีนายกรวิชญ์ มาระเสนา เป็นประธานศูนย์บ่มเพาะฯ อายุ 43 ปี อดีตวิศวกรโยธา เริ่มเข้าโครงการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ ให้เป็น young smart farmer ตั้งแต่ปี 2557 ทำการเกษตรปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ใช้การตลาดนำการผลิต ด้วยการมองหาความต้องการของลูกค้าว่าชอบผักประเภทไหนมากที่สุด แล้วจึงปลูกผักชนิดนั้นเป็นอย่างแรก แล้วจึงตามด้วยผักชนิดอื่นรองลงมาตามความต้องการ นอกจากนี้ยังใช้การปลูกพืชสลับพืชอื่นคู่กับผักไทยในโรงเรือนเดียวกัน ซึ่งแนวทางนี้ช่วยทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตแบบเกื้อกูลกัน แล้วนำมาด้วยการช่วยลดต้นทุนทั้งค่าปุ๋ยและอาหารเสริม ขณะเดียวกัน ได้ใช้ความรู้จากวิชาชีพวิศวกรด้วยการออกแบบโรงเรือนให้มีความประหยัด