กรมชลประทาน ขยายผลเพิ่มพื้นที่ดำเนินโครงการบางระกำโมเดลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตามนโยบายของ
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ฤกษ์ปล่อยน้ำทำนาปี เริ่มเพาะปลูก 1 เม.ย.นี้ หลังประสบผลสำเร็จในปีที่ผ่านมา ข้าวนาปีไม่ได้รับความเสียหาย ชาวบ้านมีรายได้เสริม และยังใช้เป็นแก้มลิงธรรมชาติตัดยอดน้ำได้มากกว่า 400 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยป้องกันและบรรเทาน้ำท่วมเมืองสุโขทัยและลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง
นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เดินทางไปร่วมประชุมชี้แจงการดำเนินโครงการบางระกำโมเดลปี 2561 และการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนการเพาะปลูกข้าวฤดูนาปี พื้นที่ลุ่มต่ำในเขตชลประทาน ปี 2561 ณ สำนักงานชลประทานที่ 3 จ.พิษณุโลก ก่อนจะเดินทางไปร่วมกิจกรรมและเป็นประธานในพิธีเปิดการส่งน้ำเพื่อเริ่มต้นการเพาะปลูกข้าวฤดูนาปี ตามโครงการบางระกำโมเดลปี 2561 ณ บ.วังขี้เหล็ก ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พร้อมพบปะประชาชนในพื้นที่ และมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากประสบผลสำเร็จอย่างน่าพอใจในการดำเนินโครงการบางระกำโมเดลปี 2560 ที่ผ่านมาซึ่งเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งหมดโดยไม่ได้รับความเสียหายใดๆและในช่วงน้ำหลากยังสามารถใช้พื้นที่เป็นแก้มลิงธรรมชาติรองรับน้ำลดความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยในเมืองสุโขทัยพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างซึ่งในปี 2561 นี้ได้มอบนโยบายให้กรมชลประทานขยายพื้นที่โครงการฯเพิ่มขึ้นจากเดิม 265,000 ไร่เป็น 382,000 ไร่ทำให้รองรับปริมาณน้ำได้มากกว่า 550 ล้านลูกบาศก์เมตรจากเดิมรับน้ำได้เพียง 400 ล้านลูกบาศก์เมตรพร้อมกับให้ปรับเปลี่ยนปฏิทินการเพาะปลูกข้าวนาปีในปีนี้ให้เร็วขึ้นเริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2561
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการบางระกำโมเดล 60 เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นซ้ำซากในพื้นที่ จ.สุโขทัยและพิษณุโลก เมื่อในปี 2559 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น ได้มอบนโยบายให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกันในรูปแบบประชารัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยกรมชลประทาน ได้ปรับเปลี่ยนปฏิทินการปลูกข้าวนาปี ในพื้นที่ลุ่มต่ำเขตชลประทานให้เร็วขึ้น จากเดิมที่เคยปลูกในเดือนพฤษภาคมมาเป็นเดือนเมษายน เพื่อที่จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ภายในเดือนกรกฎาคม หลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะได้รับจากอุทกภัย และยังใช้พื้นที่นาที่เก็บเกี่ยวแล้วเป็นแก้มลิงธรรมชาติรองรับน้ำในฤดูน้ำหลากได้อีกด้วย ซึ่งกรมชลประทานได้เริ่มปรับเปลี่ยนปฏิทินการเพาะปลูกข้าวนาปีของพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำให้เร็วขึ้น โดยได้เริ่มเพาะปลูกตั้งแต่ 1 เมษายน 2560 ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย 265,000 ไร่ ในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพลายชุมพล และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนนเรศวร โดยเกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งหมด โดยไม่ได้รับความเสียหายจากปัญหาอุทกภัย
ทั้งนี้หลังจากที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วเสร็จทั้งโครงการฯกรมชลประทานได้ใช้พื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำเป็นพื้นที่หน่วงน้ำรองรับปริมาณน้ำหลากจากลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำสาขาตลอดจนปริมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ สามารถนำน้ำเข้าไปกักเก็บไว้ในทุ่งบางระกำและช่วยตัดยอดปริมาณน้ำได้ประมาณ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมกับควบคุมระดับน้ำไม่ให้กระทบต่อเส้นทางสัญจรหลักของราษฎร ช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ชุมชน และพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดสุโขทัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในระหว่างที่กักเก็บน้ำไว้ในทุ่งบางระกำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้บูรณาการการส่งเสริมอาชีพ โดยนำพันธุ์ปลามาปล่อยลงในทุ่ง ให้เกษตรกรมีอาชีพเสริมในการทำประมง และยังส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตจากปลา และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรและชุมชน ในช่วงฤดูน้ำหลากได้ถึงวันละ 300 – 500 บาทต่อครัวเรือน ต่อมาเมื่อสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย จึงได้เริ่มระบายน้ำออกจากทุ่งบางระกำ โดยได้คงปริมาณน้ำส่วนหนึ่งไว้ในทุ่ง สำหรับให้เกษตรกรใช้ในการเตรียมแปลงเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 (นาปรัง)
“ความสำเร็จของโครงการบางระกำโมเดล 60 ทำให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้ทันก่อนฤดูน้ำหลาก มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถปรับตัวและดำรงชีพได้ตามวิถีชีวิตที่อยู่กับน้ำ จับสัตว์น้ำทำการประมงในช่วงฤดูน้ำหลาก ทำให้มีรายได้เสริม อีกทั้งยังช่วยป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนเมืองและสถานที่ราชการของจังหวัดสุโขทัย รวมทั้งช่วยหน่วงน้ำไว้ไม่ให้ลงไปกระทบกับพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จากความสำคัญดังกล่าว กรมชลประทานจึงได้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลโครงการพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยการปรับเปลี่ยนปฏิทินการเพาะปลูกข้าวนาปี ที่จะเริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2561 ซึ่งกรมชลประทาน ได้เริ่มส่งน้ำเข้าไปในระบบชลประทานเตรียมพร้อมไว้ให้แล้ว ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นมา พร้อมกันนี้ ได้ขยายพื้นที่โครงการฯเพิ่มขึ้นจากเดิม 265,000 ไร่ เป็น 382,000 ไร่ สามารถรองรับปริมาณน้ำหลากได้มากขึ้น จากเดิม 400 เป็น 550 ล้านลูกบาศก์เมตร” ดร.ทองเปลวฯ กล่าวปิดท้าย