23 เมษายน 2561 — เทสโก้ โลตัส เดินหน้าลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าในยุค 4.0 ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการขยายช่องทางแบบออมนิแชนแนล (omni-channel) พัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้งทุกแพลตฟอร์ม และมุ่งเน้นจำหน่ายสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึงได้ ในขณะเดียวกัน เทสโก้ โลตัส ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำในการสร้างประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไทย ด้วยการช่วยเหลือเกษตรกร เอสเอ็มอี และชุมชนอย่างต่อเนื่อง

นาย สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส
นาย สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส

นาย สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า “เทสโก้ โลตัส มีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าในประเทศไทยให้ดียิ่งๆ ขึ้นทุกวัน เราจึงมองหาวิธีการต่างๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันให้ได้ดีที่สุด ซึ่งเราเรียกว่าลูกค้ายุค 4.0 โดยสิ่งที่ลูกค้ายุคใหม่ต้องการก็คือ ความสะดวกสบายในการจับจ่ายสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านทั้งช่องทางสาขาในรูปแบบต่างๆ และช่องทางออนไลน์ นอกจากนั้นแล้ว ลูกค้ายุคใหม่ยังให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ซึ่งต้องมาพร้อมกับคุณภาพสินค้าที่ดีและประสบการณ์ที่ดี”

“เทสโก้ โลตัส มีช่องทางค้าปลีกที่หลากหลาย ตั้งแต่ร้านค้ารูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ร้านค้าซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลาง ไปจนถึงร้านเอ็กซ์เพรสซึ่งมีขนาดเล็ก และเรายังมีแพลทฟอร์มออนไลน์ที่เป็นของตนเอง รวมถึงช่องทางมาร์เก็ตเพลสของพันธมิตร ในปัจจุบ้น เราพบว่า ลูกค้าจำนวนมากขึ้น หรือประมาณ 40% ของฐานลูกค้าเทสโก้ โลตัส ซื้อสินค้าผ่านหลายช่องทาง และด้วยการที่เทสโก้ โลตัส มีช่องทางหลากหลายรูปแบบ เราจึงสามารถตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายที่ลูกค้ามองหาจากการสามารถซื้อของได้ทุกที่และทุกเวลา สำหรับในปี 2561 จะมุ่งเน้นการขยายช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ไปพร้อมๆ กัน รวมถึงการปรับปรุงสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุค 4.0 ได้ดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากการขยายช่องทางค้าปลีกแล้ว เทสโก้ โลตัส ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสบการณ์แบบออมนิแชนแนลที่ไร้รอยต่อ ผ่านเครื่องมือทางดิจิทัลและโปรแกรมคลับการ์ด ที่จะเชื่อมต่อช่องทางต่างๆ ของเราและเพิ่มความคุ้มค่าให้กับลูกค้าอีกด้วย”

งบประมาณลงทุนสำหรับปีงบประมาณ 2561 ส่วนใหญ่จะถูกใช้ในการเปิดสาขาใหม่ โดยนอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและประชาชนในการเข้าถึงสินค้าคุณภาพดีราคาประหยัดแล้ว ยังเป็นการช่วยสร้างงานในท้องถิ่นอีกด้วย นอกจากการเปิดสาขาใหม่แล้ว เทสโก้ โลตัส ยังมีแผนในการปรับปรุงสาขาเดิมอีกประมาณ 120 แห่ง ทั้งในด้านการปรับโฉมและเพิ่มบริการใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผนกอาหารสด รวมไปถึงการปรับพื้นที่จำหน่ายสินค้าเพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ลูกค้ามากขึ้น

ยกระดับการให้บริการลูกค้าในยุค 4.0 พัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้งทุกแพลนฟอร์ม
ยกระดับการให้บริการลูกค้าในยุค 4.0 พัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้งทุกแพลตฟอร์ม

สำหรับในด้านคุณภาพสินค้าและความคุ้มค่า เทสโก้ โลตัส ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ นอกจากนี้ ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับคู่ค้าทำให้เราสามารถสร้างความโดดเด่นทั้งในด้านคุณภาพและราคาสินค้า หนึ่งในแคมเปญสำคัญคือโรลแบ็ค ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นแล้วยังมีแผนในการพัฒนาโปรแกรมคลับการ์ด ซึ่งมีสมาชิกกว่า 15 ล้านคน ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับสมาชิก

“สิ่งที่เป็นพื้นฐานของธุรกิจของเราคือ การดำเนินงานด้วยปรัชญาความยั่งยืน เน้นความโปร่งใส และยึดมั่นในจรรยาบรรณทางธุรกิจ เราเชื่อว่า ความช่วยเหลือแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมของเราได้ โครงการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกรโดยไม่ผ่านคนกลาง ช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ ในปี 2560 เทสโก้ โลตัส รับซื้อผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ โดยตรงจากเกษตรกร ปริมาณกว่า 200,000 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ่นจากปีก่อนหน้านั้นกว่า 30% เรายังให้การสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีโดยการเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้า และร่วมงานกันในการผลิตสินค้าแบรนด์เทสโก้ รวมไปถึงการให้ความรู้เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าและคุณภาพให้เทียบเท่าระดับสากล”

สินค้าเกษตรสดๆ รับซื้อตรงจากเกษตรกร
สินค้าเกษตรสดๆ รับซื้อตรงจากเกษตรกร

“ในฐานะที่เทสโก้ โลตัส จำหน่ายสินค้าประเภทอาหาร โดยเฉพาะอาหารสด ในปริมาณมากในแต่ละวัน เราจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำลดการทิ้งอาหารที่ยังรับประทานได้ ปัจจุบันร้านค้ารูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตของเรา 40 สาขา บริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมดแต่ยังมีคุณภาพดีให้กับมูลนิธิและผู้ยากไร้ภายใต้ ‘โครงการกินได้ ไม่ทิ้งกัน’ เป้าหมายของเราคือขยายการบริจาคอาหารให้ครอบคลุมทุกสาขาในอนาคต ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มาจากขยะอาหารแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้มีอาหารคุณภาพดีรับประทาน นอกจากนั้น เรายังมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือสังคมโดยการเชิญชวนลูกค้าร่วมบริจาคมื้ออาหารที่มีประโยชน์ให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสทั่วประเทศไทย เราเชื่อว่าการเติบโตทางธุรกิจและการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นทุกวัน จะต้องควบคู่กับการสร้างประโยชน์และการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับสังคมไทย” นายสมพงษ์ กล่าวสรุป

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated