กรมส่งเสริมการเกษตร ประกาศความพร้อมขับเคลื่อนโครงการ พัฒนาอาชีพเกษตรกร หลังงบกลางปีอนุมัติงบกว่า 5,690 ล้าน ยืนยันขับเคลื่อนบนพื้นฐานความต้องการของชุมชนเกษตร สู่ความยั่งยืน โปร่งใส ตรวจสอบได้
(วันที่ 17 พ.ค. 61) ภายหลังจากพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ประกาศใช้ซึ่งรัฐบาลมุ่งหวังให้เกิดความมั่นคงทางด้านอาชีพเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร พร้อมเดินหน้าภายใต้ 2 แผนงาน ที่ได้รับการอนุมัติวงเงินงบประมาณ ได้แก่ 1. แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต จำนวน 31,104,000 บาท 2. แผนงานยุทธศาสตร์ปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร จำนวน 5,659,575,200 บาท
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้ กรมส่งเสริมการเกษตร ดูแลจำนวน 5 โครงการสำคัญ ภายใต้ 2 แผนงาน พร้อมขับเคลื่อนโครงการฯ ร่วมกับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะแผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต กรมฯ จะเข้าไปสนับสนุนในการอบรมเกษตรกร ผ่านศูนย์ปฏิบัติการ 40 ศูนย์ ทั้งหมด 85 หลักสูตร ภายใต้โครงการเพิ่มทักษะอาชีพแก่เกษตรกรผู้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ภายใต้มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมี กระทรวงการคลัง เป็นผู้ดำเนินการหลัก และ สำหรับแผนงานยุทธศาสตร์ปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร จะมีอีก 4 โครงการ ที่กรมฯ เข้าไปสนับสนุน ได้แก่ 1. โครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืน กิจกรรมส่งเสริมการลดพื้นที่ปลูกยาง โดยร่วมมือกับ การยางแห่งประเทศไทย โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปรับลดพื้นที่การปลูกยาง และให้มีอาชีพเสริมต่อไป งบประมาณ 45,690,000 บาท 2. โครงการศูนย์ขยายพันธุ์พืช เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตพันธุ์พืชที่ดีออกสู่ตลาด โดยเฉพาะ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ, ท่อนพันธุ์ และต้นพันธ์ รวม 8 ล้านต้น ภายใต้การกำกับของศูนย์ขยายพันธุ์พืช ทั้ง 10 ศูนย์ งบประมาณ 268,800,600 บาท 3. โครงการพัฒนาผู้ประกอบการเกษตรรุ่นใหม่ โดยพัฒนา Young smart farmer จำนวน 4,850 ราย ให้ได้รับการพัฒนาเป็นผู้ประกอบการเกษตร และเป็นผู้นำด้านเกษตร 4.0 งบประมาณ 66,690,500 บาท และ 4. โครงการเสริมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย งบประมาณ 5,278,394,100 บาท
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ โครงการเสริมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย งบประมาณ 5,278,394,100 บาท เป็นโครงการที่ได้เกษตรกรได้รับประโยชน์โดยตรง แบ่งกิจกรรม ออกเป็น 2 กิจกรรม ได้แก่ 1. กิจกรรมฝึกอบรมเกษตรกร ชุมชนละ 200 ราย ในจำนวน 9,101 ชุมชน มีเกษตรกรที่จะได้รับประโยชน์ จำนวน 1,820,200 ราย สำหรับคุณสมบัติ จะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร รวมทั้งจะต้องไม่สมัครเข้ารับการอบรมในกิจกรรมอื่นๆ ของโครงการไทยนิยมยั่งยืน โดยมีหลักสูตรการฝึกอบรมจำนวน 1 หลักสูตร ประกอบด้วย 3 กลุ่มวิชา 1) กลุ่มวิชาสร้างการรับรู้ ความเข้าใจร่วมกันในการขับเคลื่อนประเทศ 2) กลุ่มวิชาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร และ 3) กลุ่มวิชาการบริหารจัดการองค์กรเกษตรกร รวมจำนวน 18 ชั่วโมง โดยสามารถเข้าไปพิจารณาทางเลือกได้ http://k-room.doae.go.th
2. กิจกรรมการพัฒนากลุ่มเกษตรกร โดยรัฐจะสนับสนุนการดำเนินการประกอบการของเกษตรกรชุมชนละ 300,000 บาท สำหรับคุณสมบัติของกลุ่มที่จะยื่นขอสนับสนุนโครงการจะต้องมีเกษตรกรสมาชิกกลุ่มละ ไม่น้อยกว่า 25 ราย และต้องมีเกษตรกรสมาชิกที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรการพัฒนาการเกษตร จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ราย โดยลักษณะของโครงการที่เสนอขอรับการสนับสนุน ต้องเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการได้ทันที มีประโยชน์กับชุมชน และมีความยั่งยืน และงบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ต้องใช้สำหรับ การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์เท่านั้น ให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการใช้แรงงานในชุมชนเอง
ซึ่งขณะนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้มอบหมายรองอธิบดีทุกท่านและเกษตรจังหวัดทุกจังหวัด กำชับการปฏิบัติงาน ทุกขั้นตอนให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส หากพบปัญหาจะระดมทีมเข้าไปช่วยเหลือและสร้างการรับรู้ในพื้นที่ ทันที และพร้อมเปิด War room สำนักงานโครงการฯ เพื่ออำนวยการในการบริหารจัดการได้อย่างทันท่วงที หากพบปัญหาสามารถแจ้งเหตุตรงถึงคณะทำงาน รวมทั้งเน้นย้ำว่า การดำเนินโครงการฯ ครั้งนี้ งบประมาณทั้งหมดผ่านบัญชีของเกษตรกร และลงสู่ชุมชนเพื่อประโยชน์ ในการพัฒนาการเกษตรอย่างแท้จริง