เกษตรกรรม ถือเป็นอาชีพหลักของชาวเวียดนาม จากประชากร 92.7 ล้านคน มีคนที่อยู่ในภาคเกษตรกรรมมากถึงร้อยละ 80 เช่นเดียวกันกับ ครอบครัวของ “เหงียน วัน ทัน” (NGUYEN VAN THANH) ที่ส่งต่อมรดกอาชีพนี้มารุ่นต่อรุ่น แต่สำหรับนายทันแล้วเขารู้สึกว่าน่าจะมีอาชีพอื่นๆ ที่จะทำให้ครอบครัวของเขามีอยู่มีกินดีกว่าการเป็นเกษตรกร
“คิดมาตลอดว่าเราน่าจะทำอาชีพที่ตอบโจทย์เรื่องรายได้และความมั่นคง ที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเราดีขึ้น จึงพยายามมองหาอาชีพอื่นอยู่ตลอด จนได้เห็นทางซี.พี.เวียดนามมีการสนับสนุนอาชีพขายเนื้อไก่ ก็รู้สึกสนใจมากเพราะไม่ยุ่งยาก ผลิตภัณฑ์ของซี.พี.ก็เป็นที่ยอมรับของคนเวียดนามอยู่แล้ว จึงติดต่อขอร่วมโครงการซึ่งก็สร้างอาชีพและรายได้ที่ดีอย่างที่คิดไว้จริงๆ จนเมื่อมีโครงการเถ้าแก่เนื้อหมูตู้เย็นชุมชน CP pork shop เพิ่มขึ้น เราก็ตัดสินใจร่วมโครงการนี้ทันที เพราะมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มรายได้และความมั่นคงในการทำธุรกิจได้” นายทันกล่าวถึงที่มาของการเป็นเถ้าแก่เนื้อหมูตู้เย็นชุมชน กับบริษัท ซี.พี. เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น
นายทัน เริ่มต้นอาชีพนี้เมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา โดยเปิด “ร้านลินห์ ดอง สาขา 2” (Linh Dong 2) ที่ถนน 13 อำเภอเหียปบิญเฟื้อก (Hiep Binh Phuoc) เขตถู๋ดึ๊ก (Thu Duc) เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ซึ่งก่อนจะเปิดร้านอย่างเป็นทางการ เขาได้เข้าร่วมกับกลุ่มโครงการเถ้าแก่กลาง ภายใต้หลักสูตรพัฒนาผู้นำ 4.0 (Leaders 4.0 Development Program) ของซี.พี.เวียดนาม เพื่อฝึกอบรมเกี่ยวกับการตัดแต่งและแยกชิ้นส่วนหมู รวมถึงเทคนิคการขาย ใช้เวลาอบรม 2 อาทิตย์ หลังจากฝึกฝนจนชำนาญจึงเริ่มเปิดขาย โดยได้รับความสนใจและเสียงตอบรับจากผู้บริโภคดีมาก เนื่องจากร้านมีความทันสมัย สะอาด มีมาตรฐาน เนื้อหมูคุณภาพส่งตรงจากทีมงานซี.พี.เวียดนาม เป็นประจำทุกวัน ตลอดเวลาที่รอจำหน่ายจะแช่เนื้อหมูในตู้แช่เย็นทำให้คงความสดไว้ได้ตลอด ปัจจุบันที่ร้านมียอดขายหมู 2 ตัวต่อวัน ทำให้มีรายได้ที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายประมาณวันละ 9,000,000 ด่อง หรือ 13,000 บาทต่อวัน
“ผมขอขอบคุณซี.พี.เวียดนามที่จัดโครงการนี้ขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชาวเวียดนามเป็นอย่างมาก ทั้งช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้คนเวียดนาม ทำให้พวกเรามีรายได้มั่นคนเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว และยังมีโอกาสได้ส่งต่ออาหารปลอดภัยทั้งเนื้อไก่และเนื้อหมูที่มีคุณภาพของซี.พี.ให้กับผู้บริโภคชาวเวียดนาม ส่วนข้อแนะนำสำหรับคนที่ต้องการทำอาชีพนี้ ต้องเริ่มจากการมีทำเลของร้านที่ดี ต้องมีวิสัยทัศน์ มีเงินทุน และมีคนที่สามารถบริหารจัดการร้านได้ ที่สำคัญต้องมีใจรักในอาชีพและพร้อมที่จะให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า เพียงเท่านี้ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน” นายทันกล่าว
สุดท้ายนายทันบอกด้วยความภูมิใจว่า วันนี้ครอบครัวของเขามีความสุขมากขึ้น เรามีรายได้ที่มั่นคง การขายเนื้อหมูก็ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ทุกวันนี้เขามีรายได้ที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายราวๆ 390,000 บาทต่อเดือน ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นมาก และคาดว่าภายในปีนี้จะเปิดร้าน CP pork shop เพิ่มอีก 4 ร้าน โดยจะลงทุนและบริหารจัดการเอง หรือบางร้านอาจจะให้คนในครอบครัวเข้ามาช่วยดูแล ซึ่งจะกลายเป็นมรดกอาชีพให้กับครอบครัวของเขาต่อไป./