ข่าว สยามคูโบต้า/เกษตรก้าวไกล–เปิดห้องเรียนรู้ในสถานที่จริง “KUBOTA Smart Farmer Camp 2018” ให้เยาวชนเกษตรจากทั่วประเทศ ลงคลุกดินทำเกษตรกันจริงๆ ทั้งทำนา ทำสวน ทั้งเกษตรเชิงเดี่ยว เกษตรผสมผสาน ทฤษฎีใหม่ ได้ใจสุดๆกับเหล่านักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ทั้งจากเกษตรกรตัวจริง และศิลปินดัง
เป็นที่ทราบกันว่า สยามคูโบต้า ได้ส่งเสริมการให้ความรู้ในด้านการเกษตรและทักษะในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมให้แก่เยาวชนตั้งแต่ปี 2543 (ปีนี้เป็นที่ 17) ผ่านโครงการค่ายยุวเกษตร โดยภายหลังได้เปลี่ยนชื่อมาโครงการเป็น KUBOTA Smart Farmer Camp ในปี 2555 จนถึงตอนนี้เป็นปีที่ 6 แล้วที่ได้จัดโครงการนี้
นายสมศักดิ์ มาอุทธรณ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า โครงการ KUBOTA Smart Farmer Camp เป็นกิจกรรมด้านการศึกษาและเยาวชน ตาม CSR Policy ของบริษัทฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีด้านการเกษตร และทัศนคติที่ดีในเรื่องการเกษตรให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ มีเยาวชนที่ให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการตลอดระยะ 5 ปีที่ผ่านมากว่า 7,300 คน โดยมีเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกโครงการไปแล้วทั้งสิ้น 520 คน ซึ่งเยาวชนที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการมีความสนใจประกอบอาชีพในสายงานด้านการเกษตรจำนวนมาก
“ในปี 2018 โครงการ KUBOTA Smart Farmer Camp ได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “คลุก ดิน ฟิน เฟร่อ” เนื่องจากดินเป็นจุดเริ่มต้นของการทำเกษตรกรรมทุกชนิด บริษัทฯ จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะให้เยาวชนได้เรียนรู้การทำเกษตรกรรมที่แท้จริงตั้งแต่จุดเริ่มต้น รู้จักดินที่เหมาะสม รวมถึงการดูแลบำรุงดิน แล้วจึงเริ่มต้นการทำเกษตรกรรมด้วยวิธีต่างๆ ตลอดจนการเรียนรู้การใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการทำการเกษตรในยุค 4.0 โดยมีเยาวชนที่สนใจ ส่งใบสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,200 คน จากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ และได้ทำการคัดเลือกเยาวชนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่โครงการกำหนดเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 100 คน ซึ่งในปีนี้เป็นปีแรกที่ได้เลือกเยาวชนที่กำลังศึกษาคณะที่เกี่ยวกับเกษตรและวิศวกรรมศาสตร์ เพราะเป็นสายตรงกว่า ซึ่งภาคการเกษตรในปัจจุบันจำเป็นต้องนำหลักการวิทยาศาสตร์และวิศกรรมศาสตร์มาประยุกต์ร่วมกัน”
สำหรับในปีนี้ โครงการ KUBOTA Smart Farmer Camp 2018 ได้จัดขึ้นระหว่าง 5-9 มิถุนายน 2561 ณ ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า-ห้วยตาดข่า อ.หนองวอซอ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้ที่สยามคูโบต้าและชุมชนได้ร่วมมือกันพัฒนาขึ้น โดยมีจุดแข็งที่การดำเนิน “กิจกรรมทางการเกษตรที่มีความหลากหลาย” ที่เชื่อมโยงกัน ทั้งการปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ และการแปรรูปผลผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชุมชน ซึ่งเยาวชนที่ร่วมเข้าแคมป์ในครั้งนี้ จะได้ความรู้จากการลงแปลงปฏิบัติจริงในการปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ทั้งการปลูกข้าว ปลูกอ้อย ปลูกยางพารา เลี้ยงโคนม ตลอดจนการเรียนรู้ในการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรอย่างถูกวิธี เพื่อรองรับการพัฒนาภาคเกษตรยุคใหม่ “เกษตร 4.0” ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 20 ปีอีกด้วย
เจาะแนวคิด “คลุก ดิน ฟิน เฟร่อ”…ได้ใจเยาวชนสุดๆ
- ‘คลุก’ จะได้คลุกคลีใกล้ชิดกับชุมชนที่เข้มแข็งและอบอุ่น พร้อมทั้งเรียนรู้ผ่านสิ่งที่ชุมชนร่วมแรงร่วมใจกันทำจนประสบความสำเร็จและใช้ความเป็นคนรุ่นใหม่นำเสนอแนวคิด และไอเดียที่จะช่วยต่อยอดให้ชุมชนเติบโตก้าวหน้าไปอีกระดับ
- ‘ดิน’ ทุกคนจะได้เรียนรู้วิธีจัดเตรียมและบำรุงรักษาดินอย่างถูกต้อง จากกูรูเรื่องดิน เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้สูงขึ้น
- ‘ฟิน’ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้ฟินไปกับแขกรับเชิญที่จะมาช่วยสร้างแรงบันดาลใจเติมไฟความฝันให้กับน้องๆ พร้อมทั้งฟินไปกับกิจกรรมสนุกสนานแปลกใหม่ ที่จะได้รู้จักสร้างความสนิทสนมกับเพื่อนๆ ที่มีความฝันเดียวกันจากทั่วประเทศ
- ‘เฟร่อ’ ได้เปิดโลกการเกษตรยุค 4.0 พร้อมปรับแนวคิดสู่การเกษตรแม่นยำ และยังได้สัมผัสกับเทคโนโลยี เครื่องจักรกลการเกษตรจริงที่ล้ำสมัย
นายนราวิชญ์ ง๊ะกูหลัง คณะทรัพยากรธรรมชาติ ภาควิชาพัฒนาการเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปี 3 บอกว่าดีใจที่ได้พบเพื่อนต่างสถาบันต่างมหาวิทยาลัย และขอบคุณบริษัทคูโบต้าที่จัดค่ายนี้ขึ้นมา ทำให้ได้รู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับด้านเกษตรกรรมหรือเครื่องจักรกลทางการเกษตรเเละก็ดีใจที่ได้ลงมือทำจริง
“เกษตรกรรมไทยผมคิดว่าต้องพัฒนาให้ดีขึ้น ควรเรียนรู้เกษตรสมัยใหม่หรือยุคไทยเเลนด์ 4.0 ให้มากขึ้น สิ่งสำคัญต้องเข้าถึงเกษตรกรให้มากๆ เข้ามาจัดอบรมให้ความรู้หรือพบปะพี่น้องในชุมชนให้มากๆครับ”
นายอภิวัฒน์ นุ้ยดำ สาขาการพัฒนาชุมชน วิทยาลัยชุมชนสตูล ปี 2 บอกว่ารู้สึกดีที่ได้มาค่ายคูโบต้าครั้งนี้ และทำให้ได้พบเพื่อนๆต่างที่ต่างมหาวิทยาลัยทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สนิทกันและได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การดำนา ไถนา เป้นต้น และได้ลงพื้นที่ใปปฏิบัติจริงทำให้เกิดการเรียนรู้มากยิ่งขึ้นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง
“เกษตรประเทศไทยควรจะมีการพัฒนาอย่างจริงจังในเรื่องการให้ความรู้เกี่ยวกับการจดบันทึกต้นทุน กำไร ของการทำการเกษตร ปัญหาหลักๆของเกษตรกรในปัจจุบันคือการลงทุนโดยไม่มีการบันทึกรายรับ-รายจ่าย ทำให้ทำการเกษตรไม่ยั่งยืน ขาดทุนอยู่เสมอๆ และยังทำให้เกษตรกรเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย” คือความคิดเห็นของเยาวชนเกษตรไทย