วงการปุ๋ยเคมีในยุครัฐบาลคสช. อาจทำให้ผู้ผลิตและจำหน่ายหลายรายหวั่นไหวอยู่บ้าง เพราะนโยบายชูเกษตรอินทรีย์อย่างชัดเจนและส่งเสริมให้เกษตรลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตด้วยปุ๋ยสั่งตัดบ้าง ทำปุ๋ยใช้เองบ้าง อีกทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรหลายตัวไม่เป็นใจ แต่หาทำให้ “ปุ๋ยยารา” ปุ๋ยคุณภาพสัญชาตินอร์เวย์หวั่นไหวไม่ ยังคงเดินหน้าวางกลยุทธ์ตามแผนที่วางไว้ มองว่านโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” คือโอกาส แถมได้กำลังเสริมเมื่อศาลสูงพิพากษาให้ปุ๋ยตราเรือใบไวกิ้ง เป็นของบริษัทยารา (ประเทศไทย) จำกัด เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น
ทีมข่าว “เกษตรก้าวไกล” ได้มีโอกาสไปรับฟังการเปิดใจของ คุณเมดิ เซนท์-อังเดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยารา (ประเทศไทย) จำกัด และรองประธานกลุ่มเทคโนโลยี หรือ Crop Nutrition ผู้บริหารสูงสุดของยาราในประเทศไทย เขาเป็นคนสัญชาติฝรั่งเศส ได้ทำงานกับยารามากว่า 13 ปี ใน 3 ทวีป คือ ยุโรป แอฟริกา และเอเชีย ก่อนหน้าที่จะมาเป็นผู้บริหารสูงสุดของยาราในประเทศไทย ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่ง 15 เดือนแล้ว เขาเคยเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทยาราในประเทศเวียดนาม 4 ปี และประเทศกานาอีก 5 ปี…ประเด็นที่จะพูดคุยในวันนี้จึงเป็นเรื่องทิศทางและกลยุทธ์ทางการตลาดในสถานการณ์ที่ตลาดผันผวนและการแข่งขันที่สูงขึ้น ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ปุ๋ยยาราตราเรือใบไวกิ้งเป็นมาอย่างไร และเข้ามาสู่ประเทศไทยสมัยไหนครับ
ปุ๋ยยารามีอายุ 113 ปีแล้ว เราเกิดที่ประเทศนอร์เวย์ ในปีพ.ศ. 2448 เมื่อได้มีการคิดค้นหนึ่งในนวัตกรรมที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของนอร์เวย์และรวมถึงระดับโลกด้วย นั่นคือในขณะที่ทั่วโลกมีปัญหาด้านความอดอยากขาดแคลนอาหารและการทำการเกษตรที่ไม่มีประสิทธิภาพ ยาราเป็นบริษัทแรกในโลกที่สามารถสกัดธาตุไนโตรเจนจากอากาศมาผลิตเป็นปุ๋ยธาตุอาหารไนโตรเจน นอกจากนี้ก็มีเหตุการณ์สำคัญในปี พ.ศ. 2450 คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสโรงงานผลิตปุ๋ยยาราที่ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเราจะเห็นภาพนี้ปรากฎอยู่ในแบงค์ 100 รุ่นใหม่ของไทยด้วย ปุ๋ยธาตุอาหารชนิดแรกนี้ในหลวงรัชกาลที่ 5 ได้นำกลับไปยังประเทศไทยด้วย ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานระหว่างยารากับประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมากว่าปัจจุบันผลิตภัณฑ์นี้ก็ยังมีจำหน่ายอยู่ และใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มเกษตรกรไทย โดยเฉพาะในการทำสวนลำไย ทุเรียน ผักชนิดต่างๆ และมะนาว ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้รู้จักกันในชื่อ “ยาราลีว่า” ครับ
ปัจจุบันยารามีพันธกิจรับผิดชอบในการสนับสนุนอาหารให้กับประชากรโลกและปกป้องโลกด้วยพนักงานกว่า 17,000 คน เราเปิดบริษัทดำเนินการในประเทศต่าง ๆ มากกว่า 60 ประเทศ ใน 6 ทวีป และโรงงานมากกว่า 25 แห่ง ผมกล้าพูดได้อย่างมั่นใจว่าเราเป็นผู้นำในระดับโลกด้านโภชนาการพืชครับ
สำหรับประเทศไทย ยาราได้เริ่มนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อกว่า 45 ปีก่อน โดยผ่านตัวแทนจำหน่าย แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในชื่อ “ตราเรือใบไวกิ้ง” ซึ่งมาจากโลโก้ของเราที่เป็นรูปเรือใบไวกิ้ง ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศนอร์เวย์ครับ
มองตำแหน่งทางการตลาดของปุ๋ยยาราอย่างไร และมีกลยุทธ์เข้าถึงเกษตรกรไทยอย่างไรบ้างครับ
สำหรับในประเทศไทย ผมพูดได้เลยว่ายาราคือแบรนด์อันดับ 1 ในหลายกลุ่มพืช โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจหลัก 5 ชนิด อย่างเช่น ยางพารา ปาล์ม หรืออย่างทุเรียน ลำไย พืชผักใบ เราก็มียอดขายที่อยู่ในระดับผู้นำอย่างเห็นได้ชัด และเราคือผู้นำทางด้านการนำเข้าและจัดจำหน่ายปุ๋ยไนเตรตคุณภาพสูง หรือปุ๋ย NPK ในประเทศไทย
นอกจากนี้ยารายังมีแนวทางที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และนโยบายแห่งชาติ หรือ “ไทยแลนด์ 4.0” ที่ส่วนใหญ่เน้นเกษตรกรทำอย่างไรให้มีรายได้ที่สูงขึ้น นั่นคือเราเป็นเจ้าแรกที่ให้ความสำคัญกับความต้องการของเกษตรกร เป็นบริษัทที่ยึด “เกษตรกรเป็นศูนย์กลาง” เราให้การสนับสนุนการทำการเกษตรที่ฉลาดและยั่งยืน เราจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของเราผ่านพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่นที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์มากกว่า 160 ราย และตัวแทนจำหน่ายรายย่อยมากกว่า 3,000 ราย ซึ่งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SMEs เหล่านี้แหละที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้กับเศรษฐกิจไทย เราได้ทำงานอย่างหนักกับเกษตรกรรายย่อย ทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน และยารายังลงทุนสูงมากทั้งในระดับโลกและในประเทศไทยในด้านการทำเกษตรโดยใช้เทคโนโลยี หรือ Digital Farming เรานำความรู้ เครื่องมือ และข้อมูลมารวมเข้าด้วยกันเพื่อผลักดันและสนับสนุนเกษตรกร ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ความรู้ปลูกแรงบันดาลใจ” หรือ “Knowledge Grows” และต้องเป็น “ความรู้ที่พร้อมใช้” เราจะเสิร์ฟความรู้ที่จะเป็นการพัฒนาอาชีพการเกษตรให้เข้าถึงเกษตรกรในทุกช่องทางที่เป็นการสื่อสารสมัยใหม่ ผมเชื่อว่ายุทธวิธีที่มีเกษตรกรเป็นศูนย์กลาง บวกกับความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่เข้มแข็งกับ SMEs และนวัตกรรมดิจิตัลจะส่งเสริมให้เศรษฐกิจของไทยมีการเปลี่ยนแปลง และยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่คิดจะลงทุนในด้านการเกษตรด้วย ทุกวันนี้เราได้พบกับเกษตรกรไทยที่มีความสามารถสูง มีความก้าวหน้า และทำกำไรได้มากมาย เช่น เกษตรกรที่ปลูกทุเรียนที่จังหวัดจันทบุรี และเกษตรกรที่ปลูกส้มเขียวหวานในภาคเหนือ เราในฐานะที่อยู่ในอุตสาหกรรมการเกษตร ก็มีบทบาทสำคัญที่จะทำให้การเกษตรเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับเด็ก ๆ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ “ทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่ในเมืองกลับไปพัฒนาการเกษตรในชนบทที่เป็นบ้านเกิด” นี่คือสิ่งที่เราหวังและกำลังทำครับ
คุณเมดิคิดว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ยาราเป็นแบรนด์ปุ๋ยอันดับ 1 ในประเทศไทย
นอกเหนือไปจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่า บวกกับความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีที่มีต้นกำเนิดมาจากนอร์เวย์แล้ว องค์กรของเรายังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ในด้านการเพาะปลูกรวมถึงทางออกของปัญหาที่เราส่งมอบไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ เราต้องยอมรับว่าบุคลากรที่มีความรักในสิ่งที่ทำเป็นกลไกสำคัญของเรา รวมไปถึงความปลอดภัยและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ แต่ยังมีปัจจัยที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งคือความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของเรากับตัวแทนจำหน่าย 160 ราย ซึ่งทำให้เราแตกต่างและไม่เหมือนใคร ความสัมพันธ์ที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ได้รับประโยชน์จากการร่วมมือกันนี้มีมายาวนานกว่า 45 ปี และเรามีความภาคภูมิใจมากครับที่มีเครือข่ายที่ช่วยเหลือสนับสนุนในด้านการพัฒนาและแก้ปัญหาต่าง ๆในประเทศไทย
ทราบว่าตอนนี้กำลังจะออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ไม่ทราบว่าเป็นปุ๋ยอะไรครับ
เรื่องการออกผลิตภัณฑ์ปุ๋ยตัวใหม่ เป็นนโนบายอย่างหนึ่งของเรา อย่างเช่นในประเทศไทยเรามีปุ๋ยที่ครอบคลุมพืชกว่า 20 ชนิด แต่ที่เราเน้นย้ำคือกับพืชเศรษฐกิจ 5 ตัวหลักอย่างที่กล่าวแล้ว และพืชเศรษฐกิจหลักอีกชนิดหนึ่งที่เราศึกษาที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย คือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เราเห็นว่าประเทศไทยยังมีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาจากต่างประเทศปีละจำนวนมาก เพราะผลิตภายในประเทศไม่เพียงพอ ในขณะที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในด้านการเกษตร จึงมองว่า ควรส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จึงผลิตปุ๋ยสูตรใหม่ ยารา มิร่าสูตร 23-8-8 สำหรับข้าวโพดในประเทศไทยโดยเฉพาะ จะวางจำหน่ายภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 นี้ เป็นปุ๋ยสูตรใหม่ล่าสุด ต่างกับปุ๋ยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ยาราจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นปุ๋ยที่ผลิตในประเทศฟินแลนด์ และเป็นปุ๋ยที่ตรงกับงานวิจัยที่เหมาะสำหรับดินที่จะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทยครับ
สถานการณ์ทางการตลาดในตอนนี้อาจจะสับสน เนื่องจากมีแบรนด์ที่คล้ายกัน คุณเมดิมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ
ถูกต้องครับ เป็นความจริงที่มีความสับสนเกิดขึ้นในท้องตลาดเมื่อพูดถึงมุมมองของเกษตรกรที่เป็นผู้ใช้สินค้า และเราในฐานะที่อยู่ในอุตสาหกรรมการเกษตรก็พยายามที่จะให้ข้อมูลที่ชัดเจนตรงกับสิ่งที่เราต้องการจะบอกกับกลุ่มเกษตรกร เห็นได้ชัดว่าเกษตรกรมีความสับสนเนื่องมาจากแบรนด์ที่ใกล้เคียงกับเราซึ่งจำหน่ายและมีการโฆษณาในประเทศไทยมาหลายปี แต่ผมขอบอกให้ชัดเจนตรงนี้ว่า “ยารา คือปุ๋ยตราเรือใบไวกิ้งเพียงหนึ่งเดียวที่โลดแล่นอยู่ในประเทศไทย” ที่มีประวัติมายาวนานกว่า 113 ปี และ 45 ปีในประเทศไทย และสิ่งที่อยากเน้นย้ำในวันนี้อีกเรื่องหนึ่งคือ การส่งทอดความรู้ที่เราสะสมมาอย่างยาวนานสู่เกษตรกรไทย “เราไม่ได้ขายปุ๋ยคุณภาพเพียงอย่างเดียว แต่จะให้ความรู้คุณภาพกับเกษตรกรไทย” หากมีข้อสงสัย เรามีช่องทางที่ทันสมัยที่จะให้ความกระจ่างกับเกษตรกรได้ และฝากถึงเกษตรกรทุกท่านว่าอย่าลังเลที่จะติดต่อตัวแทนจำหน่ายทั้งรายใหญ่หรือรายย่อยในท้องถิ่น หรือติดต่อยาราโดยตรงผ่านทางเฟซบุ๊คหรือเว็บไซต์เพื่อค้นหาจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาราของแท้ที่ใกล้ท่านที่สุดนะครับ
ทั้งหมดนี้ คือการให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชน ซึ่งคุณเมดิ เซนท์-อังเดร์ เน้นย้ำว่า มีความมั่นใจที่จะนำพานาวาไวกิ้ง โลดแล่นในหัวใจเกษตรกรไทย “ในเวลา 1 ปีครึ่งที่ผ่านมาผมได้ทำงานประสานกับชาวไร่ชาวนารายย่อย ได้ไปเยี่ยมดีลเลอร์ทั่วประเทศได้พบปะได้พูดคุยรู้เบื้องลึกเบื้องหน้าเบื้องหลังและเข้าใจเขาเหล่านั้นอย่างดี” ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง กล่าวในที่สุด.