“คุณเกียรตินันท์ วิจิตรประไพ” หรือ “เควิน” ทายาทรุ่นที่ 3 ตระกูลวิจิตรประไพ ประกาศลุยตลาด “กระถางเพื่อสิ่งแวดล้อม” ผ่านแบรนด์ “คลีน พลัส” (KREEN PLUS : KREEN +)  ให้คนไทยมีโอกาสใช้กระถางที่ปลอดภัย และ เนรมิตสวนแนวตั้ง สร้างพื้นที่สีเขียวในบ้านด้วยตนเอง และ ปีหมูทอง คลีนพลัสพร้อมมอบสิ่งดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นของขวัญให้คนไทยในราคาเพียง 399 บาท

ธุรกิจเมืองไทยที่สืบทอดกันสู่ “ทายาท” มีทั้งนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ และไม่นำเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยธุรกิจหนึ่งที่น่าจับตามอง คือ กลุ่มตระกูล “วิจิตรประไพ” ซึ่งเติบโตจากอุตสาหกรรมเหล็ก และ เริ่มต้นจากคำว่า “เถ้าแก่” รับทำประตูเหล็กดัด รับทำโครงประตูหลังคา และ พัฒนาธุรกิจจนก้าวมาเป็นธุรกิจโกดังเก็บบอลลูนให้กับกองทัพบก โดยวันนี้กลุ่มตระกูลวิจิตรประไพ ส่งทายาทรุ่นที่ 3 ก้าวขึ้นมาสู่การเป็นกลุ่มนักธุรกิจแถวหน้าในเมืองไทย และ ลงมาทำตลาดสินค้านวัตกรรมเกี่ยวกับการก่อสร้างทั้งอาคาร และ บ้านพักที่อยู่อาศัย รวมทั้งสินค้าที่รักษาสิ่งแวดล้อม เช่น กระถางรักษ์โลก ภายใต้ชื่อแบรนด์ “คลีน พลัส” (KREEN PLUS  : KREEN +)

คุณเกียรตินันท์ วิจิตรประไพ
คุณเกียรตินันท์ วิจิตรประไพ

คุณเกียรตินันท์ วิจิตรประไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี.โอ.บอนด์ จำกัด หรือ “คุณเควิน” วัย 43 ปี หนึ่งในทายาทของตระกูลวิจิตรประไพ รุ่นที่ 3 เปิดใจเล่าถึงที่มาของธุรกิจในตระกูลว่า ตระกูลวิจิตรประไพมาจากคนไทยเชื้อสายจีน โดยรุ่นคุณปู่เดินทางมาจากประเทศจีน และ มาทำธุรกิจในไทย พอมาถึงรุ่นคุณพ่อ ก็ยังมีความลำบากในการใช้ชีวิต และ เริ่มทำธุรกิจรับทำโครงหลังคาเหล็กสมัยรุ่นคุณพ่อ ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่ 2 ของตระกูล

“จริงๆแล้วผมเติบโตในครอบครัวที่ไม่สบาย ต้องสร้างเนื้อสร้างตัว เพราะคุณพ่อเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ส่วนผมเป็นรุ่นที่ 3  และ คุณปู่มาจากเมืองจีน คุณพ่อผมเติบโตมาจากเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ตอนคุณพ่อผมเด็กๆ ก็อดมื้อกินมื้อบ้าง และเริ่มรับงานประตูเหล็กดัด ก็รับทำโครงประตูหลังคา ทำไปสักพัก ก็สร้างโรงงาน และผมเริ่มเห็นแล้ว นั่นคือธุรกิจของที่บ้าน ตอนนั้นผมยังเด็กๆ ได้เห็นคุณพ่อผมทำโครงหลังคาเหล็ก ภาพที่ผมจำได้แม่น คือ ภาพโกดังเก็บบอลลูนของกองทัพบก ซึ่งคุณพ่อไปรับงานสร้างโกดังของกองทัพ ต่อมาคุณพ่อผมก็ทำโรงงานทำเหล็ก ตัดเหล็ก พับเหล็ก ต่อมาผมก็เรียนรู้งานที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เครื่องกล และนวัตกรรมการก่อสร้างด้วยตัวเอง อย่างเรื่องงานเครื่องกล อาศัยถามช่าง ดูช่างทำจนกระทั่งดูเป็น และซ่อมเองเป็น จากนั้นคุณพ่อให้ผมดูแลธุรกิจตัวที่สอง ซึ่งเป็นธุรกิจเหล็กดัด ผมเริ่มต้นตั้งแต่กวาดพื้น ทำความสะอาด เก็บเหล็ก พับเหล็ก ยกเหล็ก” คุณเกียรตินันท์ เล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเอง

คุณเกียรตินันท์ เป็นผู้บริหารที่เติบโตจากการทำงานเป็นพนักงานเอกชน 3-4 ปี หลังจากจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และเข้าสู่เส้นทางสานต่อธุรกิจครอบครัวด้วยธุรกิจในอุตสาหกรรมเหล็ก โดยให้ความสนใจกับทุกรายละเอียดของธุรกิจที่ทำ จนทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากแวดวงอุตสาหกรรมก่อสร้างในไทย และได้รับเชิญให้เป็นผู้บรรยายพิเศษ รวมทั้งเคยเป็นคอลัมน์นิสต์เขียนด้านนวัตกรรมที่ใช้ในงานก่อสร้างให้กับนิตยสารแห่งหนึ่ง

ส่วนแนวคิดในการเริ่มนำกระถางเพื่อสิ่งแวดล้อมมาผลิตและทำตลาดในไทย ภายใต้แบรนด์ “คลีน พลัส” (KREEN PLUS) นั้นมาจากการที่คุณเกียรตินันท์เดินทางไปต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ และ ฮ่องกง รวมทั้งประเทศในแถบยุโรป ได้เห็นสิ่งแวดล้อมในชุมชนเมืองมีพื้นที่สีเขียว จึงเกิดแนวคิดต้องการให้คนไทยได้มีโอกาสสร้างพื้นที่สีเขียวด้วยตนเองในพื้นที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ และคอนโดมีเนียม ที่มีพื้นที่ไม่มากนัก

“ผมเดินทางไปต่างประเทศบ่อย เห็นตัวเมืองทำ ภาครัฐก็ทำ ชุมชนก็ทำ เป็นความร่วมมือเพื่อให้เกิดพื้นที่สีเขียว ก็มามองว่า ทำไมบ้านเราไม่มีบ้าง เรามีแต่คุณภาพไม่มีแบบสากล สิ่งที่ทำให้มันมี ส่วนใหญ่ในประเทศไทย นำเข้าราคาแพงมาก ถ้าคนไทยจะใช้ปลูกสวนแนวตั้ง ก็ราคาแพงมาก ก็เป็นจุดตั้งต้นว่า เราน่าจะมีอะไรสักอย่างที่เป็นของคนไทย คุณภาพระดับสากลต้องเกิด และราคาไม่แพง ผมพูดจริงๆ ถ้าเรามองสังคมคนเมืองวันนี้ เราใช้พื้นที่แนวราบสูงสุด แน่นอนหนีไม่พ้นพื้นที่ที่เป็นธรรมชาติ การใช้พื้นที่แนวราบด้วย มันต้องมีต้นทุน สังคมเมืองก็สร้างพื้นที่สีเขียวได้ ตรงช่องตรงนี้ น่าจะมีโอกาสให้เราเล่นได้ อย่างใช้ในบ้านเรือน เราเข้าใจว่า ชุมชนเมือง มีพื้นที่ราคาแพง เป็นไปได้ไหม จะใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่แล้ว สร้างพื้นที่สีเขียว เพื่อให้มีบรรยากาศดีๆ อยู่รอบตัวเรา คือ ไม่ว่าจะคอนโดฯ หรือ บ้าน เราสามารถสร้างพื้นที่สีเขียวได้หมดเลย ถ้าเราทำ เพื่อนบ้านทำ ก็มีพื้นที่สีเขียว” กรรมการผู้จัดการ เล่าให้ฟังถึงที่มาไอเดียกระถางเพื่อสิ่งแวดล้อม กระถางสิ่งแวดล้อม “คลีน พลัส”

ส่วนการทำตลาดกระถางเพื่อสิ่งแวดล้อมในไทย คุณเกียรตินันท์ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีการเติบโตค่อนข้างดี แต่ยังขาดการเน้นเรื่องผลิตภัณฑ์กระถางที่ใช้แล้วปลอดภัยต่อผู้ใช้ ทั้งกรณีนำไปแขวนในที่สูง และผลดีต่อพืชผักที่ปลูกจากกระถางเพื่อสิ่งแวดล้อม

“เรายังไม่ได้ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยมากนัก แต่กระถางบางประเภท เราต้องการมีพื้นที่ผักสวนครัว รั้วกินได้ กระถางที่เราไปปลูกมันทำมาจากอะไร ภาชนะที่ใส่ดิน ถ้าไม่สะอาดพอ ก็จะส่งผลต่อตัวดิน เราเองก็ต้องบริโภคผลิตภัณฑ์จากดินนั้น เพราะฉะนั้นจะเป็นการดีที่เราจะเน้นเรื่องความปลอดภัย

เราเริ่มต้นมาจากคำว่า สะอาด ถ้าเราเริ่มต้นจากสิ่งแวดล้อมอย่างเดียวก็คงจะใช้อะไรก็ได้ พอเราเริ่มต้นสะอาด คำว่า รักษ์โลกมาด้วย เราก็ค้นพบว่า จริงๆ แล้ว มีเม็ดพลาสติกบางประเภท ยังไม่ถูกใช้งาน เพราะเป็นเศษพลาสติกจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งต้องถูกทิ้ง เราก็รวบรวมวัสดุเหล่านั้นกลับมา เพื่อเข้ากระบวนการผลิต เป็นกระถางใหม่  เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ซึ่งบริษัทต้องการยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์เราปลอดภัย ต้นสังกัดมันมาจากอะไร แน่นอนว่า เรื่องการผลิต มันจะมีการปนเปื้อนสารเคมีไหม เราก็ส่งผลิตภัณฑ์เข้าตรวจสอบว่าสะอาด ปลอดภัย” คุณเกียรตินันท์เล่าให้ฟัง

สำหรับกระถางเพื่อสิ่งแวดล้อม “คลีน พลัส” นั้น ผ่านการวิจัยและออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยอย่างรอบด้าน โดยมีการระดมสมองพูดคุยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง กว่าจะได้กระถางเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ออกแบบมาให้เหมาะกับผู้บริโภคในยุค 4.0

“เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราผลิต ไม่ได้แค่ขายกระถาง หรือ แค่มันดี และ จบที่คุณ แต่ตัวคุณสามารถนำไปสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองอะไรได้อีกเยอะ ไม่ใช่ช่วยสร้างบรรยากาศดีรอบบ้านเท่านั้น แต่สร้างบรรยากาศดีๆ ให้รอบบ้าน เราก็เห็นต่างประเทศทำกัน เราไปเยี่ยมเยียนบ้านเรือนในต่างประเทศ ก็รู้สึกว่าดีจังเลย ที่บ้านเขามีสีเขียว ทำไมบ้านเรา คือ ประเทศไทย ไม่ทำบ้าง” คุณเกียรตินันท์ย้ำถึงที่มาที่ไปกว่าจะได้กระถางเพื่อสิ่งแวดล้อมออกมาให้คนไทยได้ใช้

สำหรับชื่อแบรนด์ “คลีน พลัส” (KREEN PLUS) ที่มีการใช้ตัว “เค” แทนตัว “จี” นั้น มาเป็นแบรนด์กระถางเพื่อสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นลูกเล่นที่ทางบริษัทดี.โอ.บอนด์ จำกัด นำตัวอักษรตัวแรกของชื่อเล่นคุณเกียรตินันท์มาเป็นตัวอักษรแรกของคำว่า “คลีน”  เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ แล ไม่ให้เกิดความสับสนกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและสินค้าเพื่อสุขภาพที่นิยมใช้คำว่า “กรีน” (GREEN)

ปัจจุบันนี้กระถางเพื่อสิ่งแวดล้อม “คลีน พลัส” ทำตลาดผ่านช่องทางทั้งบีทูบี (B to B : Business to Business) โดยมีตัวแทนจำหน่ายในประเทศ และ บีทูซี (B to C : Business to Consumer) บนช่องทางออนไลน์ และ บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านผู้บริโภค

ทั้งนี้ รายการส่งเสริมการขายช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 รับปี “หมูทอง” ผู้บริหาร “คลีน พลัส” จัดโปรโมชั่นพิเศษ โดยจัดเป็นกล่องของขวัญชุด “คลีน พลัส คริป แอนด์ โก” (KREEN PLUS “Krip N GO”) ประกอบด้วย กระถางเพื่อสิ่งแวดล้อม 4 ใบ ภายในกล่องสี่เหลี่ยมสีเขียว ในราคาเพียงชุดละ 399 บาท ที่พร้อมจะให้ผู้บริโภคเนรมิตกระถางเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวด้วยตนเอง

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated