เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2562 ว่าที่ร้อยตรีสมพูนทรัพย์ กล้าวิกรณ์ เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดย รองศาสตราจารย์ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มี นายเติมศักดิ์ บุญชื่น ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา ศาสตราจารย์ ดร.สันติ แม้นศิริ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและพัฒนาความเป็นสากล เป็นสักขีพยาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร พนักงาน เจ้าหน้าที่จากสภาเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ร่วมเป็นเกียรติ ณ ห้องประชุมสารนิเทศ ชั้น 2 อาคารบริหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยภายหลังการลงนาม ว่าที่ร้อยตรีสมพูนทรัพย์ ได้กล่าวว่า ความตกลงร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี(มทส.) ในครั้งนี้ทั้งสองหน่วยงานจะกำหนดแผนงานหรือโครงการเพื่อสนับสนุนการให้ความรู้และความชำนาญในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ให้การศึกษาและส่งเสริมงานวิจัยเพื่อสร้างและพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการเกษตร และมีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจกรรมองค์กรเกษตรกร ส่งเสริม สนับสนุนการนำผลงานวิจัยด้านการเกษตร สู่ภาคปฏิบัติในระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งการบูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งในด้านยุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประชาชน ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตการแปรรูปและการตลาดเพื่อยกระดับอาชีพ คุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และเพื่อส่งเสริมให้บุตรหลานเกษตรกร เกษตรกร ผู้นำองค์กรเกษตรกร บุคลากร ของทั้งสองฝ่ายได้ศึกษา พัฒนาความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ตามบทบาทภารกิจ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในอาชีพ ในการปฏิบัติงานที่ดีขึ้น ตลอดจนส่งเสริม “โครงการบัณฑิตลูกเกษตรกร” เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีต่อไป
ขณะที่ รองศาสตราจารย์ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า บทบาทสำคัญประการหนึ่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี คือ เป็นสถาบันการเรียนรู้และเป็นที่พึ่งทางวิชาการให้แก่สังคม การนำผลงานวิจัยต่างๆ ของมหาวิทยาลัย พัฒนาต่อยอดให้เกิดเป็นผลงานที่สร้างรายได้ให้ชุมชนและเกษตรกร การพัฒนาอาชีพ สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเพื่อสร้างผลงานทางการวิจัยที่จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม รวมไปถึงการให้โอกาสทางการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาแก่บุตรของเกษตรกร เพราะเมื่อเขาเหล่านั้นได้สำเร็จการศึกษาก็จะเป็นบัณฑิตที่สร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการพัฒนาชุมชนและสังคมให้เจริญยิ่งขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม ในปีการศึกษา 2562 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้ให้สิทธิ์แก่บุตรเกษตรกรในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาภายใต้ “โครงการบัณฑิตลูกเกษตรกร” ในกลุ่มสาขาวิชาต่างๆ รวม 63 ราย จัดสรรทุนการศึกษาให้ 16 ทุน โดยนักศึกษาจะได้รับการยกเว้นค่าหน่วยกิต ค่าบำรุงมหาวิทยาลัย ค่าบำรุงกิจกรรมนักศึกษา และค่าธรรมเนียมหอพัก พร้อมทั้งได้รับค่าใช้จ่ายรายเดือนเดือนละ 4,000 บาท อีกด้วย