กรมวิชาการเกษตร จับมือ มกอช. บุกแดนมังกรเจรจาการค้าราบรื่น จีนอำนวยความสะดวกผู้ผลิตและแปรรูปข้าวของไทยขึ้นทะเบียนได้เร็วขึ้น พร้อมรับข้อเสนออัพเดทรายชื่อสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ไทยถี่กว่าเดิม สร้างโอกาสส่งออกข้าวและผลไม้ไทยไปจีนคล่องตัว ช่วยรักษาตลาดส่งออกไทยมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้าน
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับกระทรวงศุลกากรของจีนเกี่ยวกับประเด็นการนำเข้าส่งออกสินค้าพืช ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ว่า ผลการประชุมร่วมกันในครั้งนี้ไทยได้รับผลประโยชน์ต่อการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนหลายด้านด้วยกัน ได้แก่ การขึ้นทะเบียนผู้ผลิตและแปรรูปข้าวส่งออกไปจีน ซึ่งที่ผ่านมาจีนได้กำหนดให้ผู้ผลิตและแปรรูปข้าวเพื่อการส่งออกไปจีนต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจากกระทรวงศุลกากรของจีน โดยให้กรมวิชาการเกษตรตรวจประเมินตามมาตรฐานที่จีนกำหนด แล้วเสนอรายชื่อผู้ผลิตและแปรรูปข้าวให้จีนพิจารณาก่อนที่จีนจะเดินทางมาตรวจประเมินที่ประเทศไทย โดยในชุดแรกมีผู้ผลิตฯผ่านการตรวจประเมินและได้รับการขึ้นทะเบียนจากกระทรวงศุลกากรของจีนแล้วจำนวน 49 ราย ในขณะที่ผู้ผลิตฯ ชุดที่ 2 ยังอยู่ระหว่างรอจีนพิจารณา
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้จีนได้แจ้งว่าจะปรับปรุงรูปแบบการตรวจประเมินใหม่ โดยจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ผลิตและแปรรูปข้าวของไทยขึ้นทะเบียนได้เร็วขึ้น ซึ่งจีนจะรับขึ้นทะเบียนและประกาศรายชื่อผู้ผลิตและแปรรูปข้าวของไทยเฉพาะรายที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบและเกณฑ์การตรวจประเมินที่จีนกำหนดเท่านั้น จึงนับเป็นข่าวดีของไทยเนื่องจากจีนเป็นตลาดส่งออกข้าวของไทยที่สำคัญอันดับ 2 ด้วยมูลค่าการส่งออกกว่า 14,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ในการประชุมครั้งนี้ยังมีการหารือประเด็นการส่งออกผลไม้สดจากไทยไปจีน ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกปีละไม่ต่ำ 10,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 ประเทศเห็นชอบให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลรายชื่อสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้สดร่วมกัน โดยผลไม้ที่ไทยส่งออกไปจีนตามพิธีสารที่ลงนามร่วมกันมีจำนวน 5 ชนิด ได้แก่ มะม่วง ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ และมังคุด เพื่อช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับกรณีพบปัญหาไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด จะระงับการนำเข้าเฉพาะโรงคัดบรรจุที่เกี่ยวข้องชั่วคราวแทนที่จะระงับการส่งออกทั้งประเทศ
ปัจจุบันจีนได้ประกาศรายชื่อสวนและโรงคัดบรรจุของไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วในเว็บไซต์ โดยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป การส่งออกผลไม้ไทยไปจีนทั้ง 5 ชนิดดังกล่าวไปจีนจะต้องระบุหมายเลขทะเบียนโรงคัดบรรจุในใบรับรองสุขอนามัยพืช (PC) และระบุหมายเลขทะเบียนสวนและโรงคัดบรรจุในบรรจุภัณฑ์ทุกชิ้น ซึ่งหากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดนี้สินค้าผลไม้จะถูกส่งกลับ หรือนำไปทำลาย หรือกรณีพบปัญหาร้ายแรง จะมีการแจ้งเตือนมายังกรมวิชาการเกษตร และจีนจะระงับการส่งออกจากโรงคัดบรรจุที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราว
นอกจากนี้ ไทยยังประสบความสำเร็จในการเจรจาต่อรองให้จีนอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อสวนและโรงคัดบรรจุให้บ่อยครั้งขึ้น ดังนั้นจึงขอให้เกษตรกร และผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุผลไม้ส่งออกไปจีน เร่งดำเนินการขอเข้ารับการตรวจรับรองดังกล่าวกับสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ในพื้นที่ โดยเร็วที่สุด เพื่อมิให้เสียโอกาสในการส่งออกผลไม้ของไทย