เรื่อง/ภาพ : ธนสิทธิ์ เกษตรก้าวไกล
“หากชีวิต คิดอยากจะชาร์ตแบต เพื่อเพิ่มพลัง” การท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง นับเป็นคำตอบที่ดีมากสุดๆ ดังเป็นที่รู้แก่ใจของทุกคน ท่ามกลางความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยนั้น “การท่องเที่ยวเชิงเกษตร” นับเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจยิ่ง การได้ไปสัมผัสบรรยายกาศของเรือกสวนไร่นา การได้สัมผัสเรียนรู้วิถีเกษตรของผู้คนในสาขาอาชีพต่างๆของภาคการเกษตร รวมถึงวัฒนธรรม ประเพณีต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างเพียบพร้อมในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ คืออีกหนึ่งความสุขที่จะหาได้อย่างง่ายๆ
เที่ยวได้ง่ายๆ ด้วยแอฟ..เกษตรเช็คอิน
การท่องเที่ยวเชิงเกษตรในวันนี้ สามารถไปง่ายเที่ยวง่าย ชิม ช๊อป แชะได้อย่างสุดหรรษา เพราะกรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาจนทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเกิดขึ้นในทุกจังหวัด โดยเพียงแค่ดาวโหลด “Application เกษตรเช็คอิน” ซึ่งเป็น Application ที่กรมส่งเสริมการเกษตร จัดทำขึ้น เพื่อให้ผู้สนใจใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร แบบหลากกิจกรรม หลายบรรยากาศ และมากมายสถานที่
ด้วยในวันนี้ นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยเฉพาะในวิสาหกิจชุมชนต่างๆ นับเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกรมส่งเสริมการเกษตรที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรต้องชมในทั่วประเทศถึง 55 แห่ง ซึ่งล้วนแต่มีความงดงามน่าสัมผัส น่าตื่นตาตื่นใจทั้งสิ้น
แล้วจะรู้อย่างไรว่า แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแต่ละแห่งนั้น มีมาตรฐานพร้อมสำหรับรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้ จุดนี้ขอเพียงให้สังเกตหรือสอบถาม โดยตรงว่า วิสาหกิจชุมชนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรนั้นได้รับ ตราสัญลักษณ์ A (Agrotourism) หรือไม่
เพราะตราสัญลักษณ์ A (Agrotourism) คือเครื่องหมายมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงการเกษตรที่ได้มาตรฐานตามหลักเกณฑ์ที่กรมส่งเสริมการเกษตรกำหนด โดยวิสาหกิจชุมชนที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ตามมาตรฐานนั้น ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ 8 ข้อ คือ หนี่ง เป็นวิสาหกิจชุมชนที่มีการดำเนินการในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน สอง มีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว สาม มีกิจกรรมการเกษตรหรือมีนวัตกรรมด้านการเกษตรที่โดดเด่น ห้า มีความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว หก การคมนาคมสะดวก เจ็ด ใกล้แหล่งท่องเที่ยวหลักหรือท่องเที่ยวธรรมชาติ และแปด ชุมชนหรือนักท่องเที่ยวร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มหัศจรรย์สันเขาผลไม้ที่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสันเขา
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผสมผสานบัวสวรรค์ (กลุ่มสันเขา) ตั้งอยู่ที่ 3/1 หมู่ 9 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก โทรศัพท์ 08-9642-1461 เป็นหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ต้องชมของกรมส่งเสริมการเกษตร และได้รับตราสัญลักษณ์ A (Agrotourism) ซึ่งพร้อมให้ทุกคนได้มาสัมผัสกับบรรยายกาศภายใต้สีสันความมหัศจรรย์แห่งสันเขาผลไม้หลากหลายชนิด เรียกว่า เที่ยวอิ่มหลับสบายกันเลยทีเดียว
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผสมผสานบัวสวรรค์ (กลุ่มสันเขา) จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการผลิตพืชหลักของสมาชิก โดยเน้น การลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพปลอดภัยได้มาตรฐาน, ส่งเสริมและพัฒนาการแปรรูปผลิลการเกษตรที่มีมากตามฤดูกาล, ส่งเสริมการออมของสมาชิก, จัดหาแหล่งทุนเพื่อสนับสนุนปัจจัยการผลิต ตามแผนการผลิตของสมาชิก และประสานงานเรื่องการตลาด ในการจัดจาหน่ายสินค้า ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 164 คน
นายไพบูลย์ ชูเอียด ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผสมผสานบัวสวรรค์ (กลุ่มสันเขา) และเกษตรกรเจ้าของสวนเกษตรไพบูลย์ ผู้นำการจุดประกายทั้งด้านแนวทางการประกอบอาชีพของผู้คนในพื้นที่จากการการทำปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาสู่การทำสวนเกษตรแบบผสมผสาน รวมถึงการพัฒนาต่อยอดสร้างคุณค่าใหม่ในอนาคตด้วยการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ได้ย้อนอดีตให้ฟังระหว่างการเยี่ยมชมกิจกรรมการปลูกไม้ผลในพื้นที่สวนไพบูลย์ ว่า
“ด้วยพื้นที่ใน 2 อำเภอของจังหวัดพิษณุโลก ที่ประกอบด้วย ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง และ ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง เป็นพื้นที่ติดต่อกันโดยตั้งอยู่บนสันเขา สภาพพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 400-600 เมตร จึงทำให้มีความเหมาะสมในการปลูกผลไม้ได้หลากหลายชนิด เช่น อินทผาลัม มะยงชิด ทุเรียน เงาะ ลองกอง มังคุด มะม่วง ลำไย มะขามป้อมยักษ์ มะขามเปรี้ยวฝักใหญ่ เป็นต้น
“ที่สำคัญ ผลไม้ที่ปลูกในพื้นที่ จะมีผลผลิตอกต่อเนื่องหมุนเวียนเกือบตลอดทั้งปี ที่นี่นอกจากผลไม้จะมีความอร่อยสุดยอดแล้ว สมาชิกในกลุ่มทุกคนยังเน้นการปลูกผลไม้แบบปลอดภัยจากสารเคมี วันนี้ทุกสวนต่างได้รับการรับรองตามมาตรฐาน GAP ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้วทั้งสิ้น เพราะเป็นนโยบายสำคัญของกลุ่มฯ เลยว่า พวกเราต้องเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัย (Food Safety) เพื่อผู้บริโภค”
ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผสมผสานบัวสวรรค์ (กลุ่มสันเขา) บอกต่อไปว่า ด้วยความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่า ความสวยงามของพื้นที่ที่มีการทำสวนเกษตรลดหลั่งกันไปตามแนวสันเขา สภาพอากาศดีสะอาด หายใจได้เต็มปอด เป็นแหล่งโอโซนชั้นเยี่ยมที่ไม่แพ้ที่ใด สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้คนที่มาเยือน จึงทำให้เกิดแนวคิดที่เห็นชอบร่วมกันในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯแห่งนี้ในการต่อยอดในอาชีพ สร้างสวนผลไม้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของทุกคนที่ต้องการมาสัมผัสบรรยากาศความงดงามของจังหวัดพิษณุโลก
ที่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผสมผสานบัวสวรรค์ (กลุ่มสันเขา) แห่งนี้มีความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าการมาเที่ยวเยี่ยมชม มาเลือกซื้อผลไม้ปลอดภัยที่หลากหลาย มาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก จะมาวันเดี่ยวกลับหรือมาพักผ่อนหลายๆ เรามีทุกอย่างพร้อมรองรับ โดยเฉพาะการพักผ่อนสัมผัสความงดงามยามค่ำคืนด้วยบรรยากาศของที่พักแบบโฮมสเตย์
“ที่สำคัญยังมีกิจกรรมการเรียนรู้ด้านการเกษตรที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการทำสวนผลไม้ให้ประสบความสำเร็จ หากคิดจะปลูกแล้ว ต้องดูแลอย่างไร ต้องป้องกันกำจัดโรคแมลงแบบปลอดภัยอย่างไร ทุกอย่างเรามีองค์ความรู้ต่างๆให้ทุกคนสามารถมาเรียนรู้ได้ทุกเรื่องทุกความต้องการเลยทีเดียว” ประธานไพบูลย์ กล่าว
เลาะสันเขา..ชมบรรรยากาศ ชิมผลไม้อร่อยกลางสวน
แล้วผลไม้อะไรเด่นและดัง ประธานไพบูลย์ขอยกตัวอย่างแบบไม่พูดมากเจ็บคอ แต่อยากให้มาสัมผัสด้วยตนเอง อาทิ มะยงชิด สภาพอากาศ ดินที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ผลผลิตมะยงชิดออกก่อนพื้นที่อื่นๆประมาณ 1 เดือน อีกทั้งยังมีผิวสวย รสชาติดี ทุเรียนหลงรักไทยเป็นอีกชนิดที่ห้ามพลาด ด้วยเป็นทุเรียนที่โดดเด่น โดยได้มีการนำพันธุ์หลงลับแลมาปลูกเป็นเวลากว่า 20 ปี เมื่อมีผลผลิตออกมาปรากฏว่า เนื้อละเอียดแน่น ไม่เละ สีเหลืองทอง รสชาติหอมหวาน รสชาติไม่แพ้ต้นฉบับ อันเป็นผลมาจากที่ในพื้นที่แห่งนี้มีสภาพอากาศดี เย็น และดินมีความอุสมบูรณ์มีแร่ธาตุอาหารเพียบพร้อบ จึงทำให้ทุเรียนหลงรักไทยอร่อยมาก ส่วนผลไม้อื่นๆ ต้องมาชิมแล้วจะรู้ว่า ดีอย่างไร..งานนี้ต้องบอกว่าอย่าพลาดที่จะมา
ความโดดเด่นอีกประการของการเดินทางมาท่องเที่ยวยังวิสาหกิจชุมชนฯแห่งนี้คือ การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในสวนเกษตรของสมาชิกวิสาหกิจชุมทชนแห่งนี้ฯ ด้วยการเดินทางบนถนนสายหลักที่ลัดเลาะผ่านสันเขา สองข้างทางจะเป็นที่ตั้งของสวนสมาชิก และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งประธานไพบูลย์ได้ไล่เรียงแนะนำดังนี้
เริ่มต้นจาก สวนมณีทิพ สวนผลไม้ผสมผสาน เช่น ขนุน ส้มโอ ทุรียน ฯลฯ ที่อยู่ 784/3 หมู่ที่ 7 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง โทร. 081-2803176, สวนศรปัก ดอกหน้าวัว ไม้ดอก ไม้ประดับ ที่อยู่ 255 หมู่ที่ 10 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง โทร. 081-9727449, ฟาร์มกวางแดง RED DEER FARM เลี้ยงกวางดาว กวางรูซ่า และกวางแดง พร้อมจำหน่ายเนื้อกวาง และผลิตภัณฑ์จากกวาง ที่อยู่ 568/3 หมู่ที่ 10 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง โทร. 095-5322207, ภักดีฟาร์ม เลี้ยงกวาง พร้อมจำหน่ายเนื้อ และผลิตภัณฑ์จากกวาง ที่อยู่หมู่ที่ 9 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง โทร. 081-8452993
จากนั้นเดินทางไปยังสวนเกษตรไพบูลย์ ศูนย์เรียนรู้การเกษตร ไม้ผลผสมผสาน เช่น มะขามเปรี้ยวยักษ์ มะม่วง มะยงชิด อินทผลัม ฯลฯ ที่อยู่ 3/1 หมู่ที่ 9 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง โทร. 089-6421461, 087-3109216, สวนโพธิ์ทอง สวนผลไม้ผสมผสาน เช่น ลำไย ขนุน มะม่วง มะนาว ฯลฯ และจำหน่ายพันธุ์ไม้ผล ที่อยู่ 284 หมู่ที่ 9 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง โทร. 089-0112741, กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรซำตะเคียน ผลิตภัณฑ์แปรรูปผลผลิตการเกษตร ไม้ผล พืชผัก ที่พัก และอาหาร ที่อยู่ 285/1 หมู่ที่ 9 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง โทร. 081-4744310
ยังไม่สิ้นสุด เพราะยังมี สวนสมพลการ์เดนท์ สวนผลไม้ผสมผสาน เช่น มังคุด เงาะ ลำไย มะไฟ ฯลฯ ที่อยู่ 304 หมู่ที่ 9 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง โทร. 081-1359777, บ่อคาการ์เดนท์ ผักปลอดภัยจากสารพิษ ที่อยู่ 148 หมู่ที่ 9 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง โทร. 094-6265551, บ้านและสวนพูพูน สวนมะยงชิด ที่พักและอาหาร ที่อยู่ 43/2 หมู่ที่ 9 ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง โทร. 081-9737839, สวนหลงรักไทย สวนทุเรียนหลงรักไทย จำหน่ายผลผลิตและกิ่งพันธุ์ ที่อยู่ 10/2 หมู่ที่ 9 ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง โทร. 083-3333316, สวนพงษ์แตง สวนลำไย ที่พักและอาหาร ที่อยู่ 437 หมู่ที่ 7 ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง โทร. 081-9917073
พร้อมกันนี้ยังสามารถไปสัมผัสความงดงามของน้ำตกไผ่สีทอง หมู่ที่ 13 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง และเสริมศิริมงคลให้ชีวิตด้วยการกราบสัการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดไผ่ใหญ่ไพรญาราม หมู่ที่ 10 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง ได้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือ อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเกษตรที่ต้องชม ณ ที่แห่งนี้ จังหวัดพิษณุโลก…