เอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมแล้วที่จะเป็นจุดศูนย์กลางในการขับเคลื่อนธุรกิจภาคอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในปี พ.ศ. 2563 โดยบริษัท วีเอ็นยู เอ็กซิบิชั่นส์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ร่วมมือกับบริษัท วีเอ็นยู เอ็กซิบิชั่นส์ สำนักงานที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติสำหรับอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และเป็นงานเจรจาธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงที่ประสบความสำเร็จ โดยมีผู้เข้าชมงานมากถึง 65,000 รายและผู้ประกอบการถึง 1,600 รายจากทั่วโลก ซึ่งเป็นงานที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนภาคธุรกิจของภูมิภาคได้อย่างชัดเจน จึงเป็นที่มาของการริเริ่มจัดงาน Pet Fair SEA (South East Asia) 2020 ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม 2563
วีเอ็นยูฯ จึงพร้อมแถลงและอัพเดทข้อมูลการจัดงานในงานแถลงข่าว ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม 2562 ณ โรงแรมเมอร์เคียว สุขุมวิท 24 กรุงเทพฯ ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญที่จะนำเสนอถึงความเป็นมาของการจัดงาน คอนเซ็ปต์ ตลอดจนอัพเดทข้อมูลความรู้ผ่านวิทยาการรับเชิญที่มาพูดคุยกันในช่วง PETx talk ในประเด็น “การคาดการณ์อนาคตภาคธุรกิจ ผ่านมุมมองของผู้ประกอบการระดับสากล” ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณวิโรจน์ ลิมตราจิตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดจากบริษัท Pet Lover Centre ประเทศไทย, สพ.ญ.กฤติกา ชัยสุพัฒนากุล ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ, Mr. Rik van Westendorp ผู้บริหารสูงสุด จากบริษัท Monchou Pet Food ประเทศไทย และ Mr. Matt Einarson ผู้บริหารส่วนภูมิภาค จาก Alltech Asia-Pacific ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มาร่วมพูดคุยกันในประเด็นนี้ และนอกจากนี้ทางคณะผู้จัดงานยังได้รับเกียรติจาก รศ.น.สพ.ดร.นิวัตร จันทร์ศิริพรชัย นายกสมาคมเวชศาสตร์ชันสูตรทางสัตวแพทย์ไทย อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการกล่าวเปิดงานครั้งนี้ร่วมกับผู้บริหารของผู้จัดงาน
Pet Fair SEA 2020 เป็นงานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติเต็มรูปแบบสำหรับการเชื่อมโยงของภาคธุรกิจระหว่างประเทศ และพร้อมเป็นจุดเริ่มต้นในการผลักดันและพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร ซึ่งทางผู้จัดได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรชั้นนำในอุตสาหกรรมหลายรายรวมทั้งสถาบันที่เกี่ยวข้อง โดยงาน Pet Fair SEA 2020 ถูกจัดโดย บริษัท วีเอ็นยู เอ็กซิบิชั่นส์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามผู้จัดงาน วิฟ เอเชีย โดยทางคณะผู้จัดงานได้รวบรวมนำเอาบริษัทและเหล่าแบรนด์ชั้นนำเข้ามาไว้ในงาน Pet Fair SEA และพร้อมยกระดับภาคธุรกิจของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงให้ก้าวเข้าสู่การเปิดตลาดไปยังระดับสากล โดยงาน Pet Fair SEA (South East Asia) 2020 จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม 2563 เพื่อตอบสนองความต้องการของภูมิภาคที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีประชากรมากถึง 650 ล้านคน และมีชนชั้นกลางเป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง ซึ่งงานแสดงสินค้า Pet Fair SEA เป็นงานเจรจาธุรกิจแบบ Business-to-Business เพื่อสร้างประสบการณ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้งงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง ตั้งแต่อาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ สุขภาพสัตว์ ตลอดจนการบริการสำหรับสัตว์เลี้ยง พร้อมด้วยการประชุมสัมมนาจากผู้เชี่ยวชาญและโปรแกรมการเชิญผู้ซื้อรายสำคัญจากต่างประเทศมาเจรจาธุรกิจภายในงาน ซึ่งนับเป็นอีกก้าวที่สำคัญของประเทศไทยที่มีงานเจรจาธุรกิจแบบสมบูรณ์ในปี 2020 นี้
วิสัยทัศน์ของเหล่าบุคคลแวดวงอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง:
Mr. Manuel Madani ผู้จัดการโครงการ Pet Fair SEA บริษัท วีเอ็นยู เอ็กซิบิชั่นส์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด กล่าวว่า
“ในปีพ.ศ. 2573 ธุรกิจสัตว์เลี้ยงจะเติบโตเป็น 20 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสิ่งที่ผลักดันการเจริญเติบโตนี้มาจากความแตกต่างระหว่างราคาต้นทุนและประสบการณ์ของลูกค้า และเมื่อพูดถึงร้านขายสัตว์เลี้ยง เจ้าของสัตว์เลี้ยง และสัตว์เลี้ยงเองนั้น เราควรที่จะเริ่มต้นจากการสร้างประสบการณ์ดี ๆ และการแบ่งปันสิ่งที่มีคุณค่าแก่กัน โดยเริ่มจากการแบ่งปันเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมไปสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งทุกวันนี้ร้านค้าสัตว์เลี้ยงนั้น 70% ยังคงบกพร่องเรื่องการริรเริ่มสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่สอดคล้องกับอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตมากขึ้นถึง 15% นี่ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกให้การสร้างงาน Pet Fair SEA ขึ้นมาเพื่อผลักดันธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงให้ดียิ่งขึ้น มีการให้ความสำคัญกับผู้ที่เลี้ยงสัตว์มากขึ้น โดยผู้ประกอบการควรที่จะหลีกเลี่ยงการขายสินค้าเพื่อตัดราคากันในท้องตลาด เพราะจะส่งผลเสียในวงการ ซึ่งหัวใจหลักสำหรับผู้เลี้ยงสัตว์คือ การส่งเสริมสุขภาพและโภชนาการสัตว์เลี้ยงด้วยเทคโนโลยีส่วนผสมที่ใหม่ล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น โปรตีนจากแมลง โอเมก้า อาหารเสริม หรือแม้กระทั่งการนำระบบดิจิตอลมาใช้ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เช่น เซ็นเซอร์ในบ้านและหุ่นยนต์ ที่อำนวยความสะดวกแก่สุนัขและแมวในขณะที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน ซึ่งภายในงานจะมีการนำเอาเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาเปิดตลาดในภูมิภาคของเราเป็นครั้งแรกด้วย”
Mr. Matt Einarson ผู้บริหารส่วนภูมิภาค จาก Alltech Asia-Pacific ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า
“นักวิทยาศาสตร์ด้าน Nutrigenomics และโภชนศาสตร์สัตว์ประยุกต์จาก Alltech Center ได้กำลังคิดค้นสิ่งใหม่ซึ่งเป็นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดที่สามารถช่วยให้สัตว์เลี้ยงของเรามีชีวิตที่ยืนยาว มีสุขภาพที่ดีขึ้น และเพื่อให้มีชีวิตที่ดีที่สุด เพราะแท้จริงแล้วสัตว์เลี้ยงนั้นต้องการเพียงแค่โภชนาการที่เหมาะสม การดูแลและการออกกำลังกายรวมถึงการเอาใจใส่ และอย่างที่เราทราบกันดีว่าเทคโนโลยีนั้นไม่สามารถมาแทนที่แมวที่ขดตัวอยู่บนตักของเราได้หรือเป็นเพื่อนเราได้อย่างที่สุนัขเป็น เพียงแต่สามารถทำให้ชีวิตสัตว์เลี้ยงนั้นง่ายขึ้นในหลาย ๆ ด้านตั้งแต่โภชนาการไปจนถึงกล้องอัจฉริยะ”
คุณวิโรจน์ ลิมตราจิตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด Pet Lover Centre ประเทศไทย กล่าวว่า
“ประเทศไทยส่วนใหญ่ถูกบังคับให้สร้างธุรกิจการดูแลสัตว์เลี้ยงและเปลี่ยนจาก “คนรักสัตว์เลี้ยง” เป็น “ผู้ปกครองสัตว์เลี้ยง” ตั้งแต่ปี 2019 – 2568 และด้วยการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมือง การเติบโตของอีคอมเมิร์ซและประชากรผู้สูงอายุที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งภาคสัตว์เลี้ยงให้เฟื่องฟู อย่างไรก็ตามผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องพัฒนาจากสินค้าราคากลางเป็นสินค้าพรีเมี่ยมทั้งอาหารและของใช้สัตว์เลี้ยงเพื่อตอบสนองเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีกำลังซื้อ และเห็นได้ชัดว่าการสร้างประสบการณ์ของลูกค้านั้นจะมีทั้งในรูปแบบธุรกิจทางออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่ง Pet Lovers Center และ The Pet Safari ได้เปิดทำการในตลาดประเทศไทยมานานกว่า 7 ปี เราเห็นว่าแนวโน้มตลาดการดูแลสัตว์เลี้ยงนั้นยังคงมีการเติบโตที่ดีและมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปอีก 10 ปี”
Mr. Rik van Westendorp ผู้บริหารสูงสุด จาก Monchou Pet Food ประเทศไทย กล่าวว่า
“อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงโดยรวมในประเทศไทยมีมูลค่า 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตรา 10-15% ต่อปี ซึ่งอาหารสัตว์เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงโดยรวมในประเทศไทยและคิดเป็น 45% ของมูลค่าอุตสาหกรรม และในกลุ่มประเทศเอเชียน แบรนด์ระดับพรีเมียมอย่าง Monchou ถือว่าสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกสำคัญของครอบครัวและการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพด้วยส่วนผสมระดับพรีเมี่ยมเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การคัดเกรดทูน่าให้เทียบเท่ากับทูน่าที่คนรับประทาน เป็นต้น และจากข้อมูลของ International Trade Center (ITC) ประเทศไทยที่เป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่อันดับสี่ของโลกโดยมีมูลค่าการส่งออก 35.5 พันล้านบาทในปี 2559 ซึ่งมูลค่าการส่งออกในแง่ของราคาและปริมาณเพิ่มขึ้น 11% ต่อปีตั้งแต่ปี 2554 แม้ว่าญี่ปุ่นจะยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและอิตาลีก็มีอัตราการเติบโตที่น่าประทับใจอยู่ที่ 15% และ 8% ตามลำดับตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เยอะที่สุดในโลก”
สพ.ญ.กฤติกา ชัยสุพัฒนากุล ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ กล่าวว่า
“ในแง่ของการให้บริการของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เราคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและเพื่อให้ได้เปรียบในด้านการแข่งขัน ซึ่งพวกเรามุ่งมั่นที่จะอัดฉีดความชำนาญและการเอาใจใส่เข้าสู่ระบบเพื่อสร้างความพึงพอใจและสร้างคุณค่าแก่ลูกค้า นอกจากนี้หนึ่งในความสำคัญอันดับต้น ๆ ของ บริษัท คือการปรับปรุงการเรียนรู้การพัฒนาและความก้าวหน้าในอาชีพของสัตวแพทย์อย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อเป็นโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงแห่งแรกในประเทศไทยที่จัดตั้งโครงการศึกษาต่อต่างประเทศสำหรับสัตวแพทย์ ในทุกปีได้มีการมอบทุนการศึกษาและส่งสัตวแพทย์ไปเพื่อพัฒนาชุดทักษะของพวกเขาและปรับปรุงความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีขั้นสูง”
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน เข้าชมเว็บไซต์เราได้ที่ www.petfair-sea.com