กรมส่งเสริมการเกษตรจัด Kick Off รณรงค์ส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร ดึงชุมชนมีส่วนร่วมสร้างจิตสำนึก และนำวัสดุเหลือใช้ไปทำประโยชน์ หวังลดฝุ่นพิษ PM 2.5 เข้าชุมชนเมือง เมื่อวันที่ 28 ม.ค.นี้ ณ ศพก.นครชัยศรี จ.นครปฐม
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ปัญหาการเผาในที่โล่งทั้งในพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่าได้ส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของประชาชนและเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเกิดฝุ่นมลพิษ หรือ PM 2.5 ในเขตชุมชนเมืองและอีกหลายพื้นที่รอบปริมณฑล ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้เกษตรกรได้ตระหนักถึงผลกระทบจากการเผาในไร่นาทั้งตอซังฟางข้าว ใบข้าวโพด และใบอ้อย กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้กำหนดจัดงาน “รณรงค์หยุดเผาในพื้นที่การเกษตร” หรือ Kick Off จุดแรก วันที่ 28 มกราคม 2563 ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) บ้านแหลมบัว หมู่ 8 ตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และเร่งสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรรับทราบ โดยรณรงค์เพื่อส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่เกษตรขยายผลเพิ่มอีก 42 จังหวัด รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้และจิตสำนึกของเกษตรกรให้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว การสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ ศพก. ซึ่งเป็นต้นแบบก่อนขยายผลไปสู่เกษตรกรรายอื่น ๆ ในชุมชน ให้สามารถลดปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรด้วยการใช้เทคโนโลยีทดแทนการเผาและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืนต่อไป
กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การบรรยายความรู้และภาพรวมกิจกรรมของ ศพก. นครชัยศรี โดย นายณรงค์ กลิ่นถือศีล ประธาน ศพก.อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม การให้ความรู้แก่เกษตรกรโดยการจัดนิทรรศการและการสาธิตเทคโนโลยีการจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สาธิตการไถกลบตอซังและฟางข้าว โดยบริษัท คูโบต้า จำกัด สาธิตการอัดฟางก้อน โดย ศพก.นครชัยศรี สาธิตการเพาะเห็ดฟางในตะกร้า และการทำน้ำหมักจุลินทรีย์ย่อยสลายฟาง นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษเรื่อง ฝุ่น PM 2.5 โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดนครปฐม และการบรรยายพิเศษเรื่อง เตาชีวมวล เตาเผาถ่าน โดยสำนักงานพลังงาน จังหวัดนครปฐม มีเกษตรกรเข้าร่วมงานกว่า 300 ราย
“สำหรับการไถกลบตอซังและฟางข้าวจะช่วยคลุกเคล้าปรับปรุงบำรุงดิน ช่วยย่อยสลายและเพิ่มอินทรียวัตถุ เพิ่มธาตุอาหารให้กับพืช ถือเป็นการช่วยลดต้นทุนไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมีมากขึ้น นอกจากนี้ การอัดฟางก้อนก็มีประโยชน์เกษตรกรสามารถสร้างรายได้จากการขายฟ่อนฟางเพื่อนำไปใช้เพาะเห็ด หรือเป็นอาหารสัตว์ช่วยเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง จึงอยากจะฝากไปถึงเกษตรกรที่ยังเผาวัสดุการเกษตรของตนเอง ก็เหมือนกับการสูบบุหรี่ที่เป็นการเผาตัวเอง เผาปอดและสุขภาพของคนที่ตนเองรัก และต้องระวังโทษตามกฎหมายด้วย ดังนั้น ขอเชิญชวนมาร่วมรณรงค์หยุดเผาในพื้นที่การเกษตร และปฏิบัติตามคำแนะนำที่ถูกต้องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม รักษาความชื้นในดิน ลดภาวะโลกร้อน และลดปัญหาฝุ่นหมอกควันครับ” อธิบดี กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว
ด้าน นายบุญเลี้ยง ข่ายม่าน เกษตรจังหวัดนครปฐม กล่าวถึง วัตถุประสงค์ของการจัดงานรณรงค์หยุดเผาในพื้นที่การเกษตรว่า ต้องการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนเกษตรเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่ ด้วยการถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรและนำเสนอทางเลือกให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อลดการเผา เมื่อเกษตรกรหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรแล้วก็จะได้สิ่งดี ๆ 5 อย่างคือ อากาศดี สุขภาพดี เศรษฐกิจดี สิ่งแวดล้อมดี และได้ปุ๋ยดีจากธรรมชาติ “หากไม่เผาก็จะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นตามมา เปรียบเสมือนความร่ำรวย ดั่งเช่นหุ่นไล่กาที่ได้ตั้งโชว์ในแปลงสาธิตการไถกลบตอซังและการอัดฟางก้อน ที่แขวนสร้อยเส้นโตเท่าโซ่รถไฟ” โดยการจัดงานครั้งนี้จะนำผู้เข้าร่วมกิจกรรมกล่าวคำสัตยาบันของเครือข่ายเกษตรปลอดการเผา จังหวัดนครปฐม เพื่องดเว้นการเผาโดยเด็ดขาด รวมทั้งเฝ้าระวัง และสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาการเผาและหมอกควันในท้องที่จังหวัดนครปฐม ตลอดจนนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนต่อไป