“ประภัตร” เร่งระดมสมองหวังพัฒนาศักยภาพข้าวไทยทุกมิติ ทวงคืนหลังเสียแชมป์ส่งออก3ปี ยังตกอันดับประกวดข้าวหอมมะลิโลก เตือนชาวนา ยืดเวลาปลูกข้าวรอบใหม่ รอฝนมาค่อยลงมือปลูก ระบุเร่งหาอาชีพเสริม ช่วงแล้งอีก4เดือน ฝนมาล่าช้า น้ำต้นทุนน้อย
7 ก.พ. 63 / นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางพัฒนาและแก้ไขปัญหาการผลิตและการตลาดข้าว ระหว่าง กรมการข้าว กรมการค้าต่างประเทศ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และผู้แทนผู้ประกอบการ ว่า การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือเกี่ยวกับตลาดการส่งออกข้าวไทย รวมทั้งแผนการพัฒนาการผลิตข้าวเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และแผนการพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ตรงตามความต้องการของตลาด รัฐบาลให้ความสำคัญเกี่ยวกับข้าวและชาวนาเป็นอย่างมาก เนื่องจากข้าวถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีบทบาทสะท้อนความมั่นคงทางอาหารของประเทศ และชาวนาคืออาชีพที่ทรงคุณค่าของประเทศ ซึ่งผลการประชุมหารือในวันนี้จะเป็นประโยชน์ในการยกระดับการค้าข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการส่งออกข้าว เนื่องจากเป็นการหารือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนสถานการณ์ข้าวไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ว่ามีการแข่งขันในระดับโลกที่สูงขึ้น เนื่องจากในหลายประเทศที่เคยนำเข้าข้าวจากไทย สามารถพัฒนาพันธุ์ข้าว จนสามารถปลูกและส่งออกได้ในปัจจุบัน จึงทำให้ไทยมีคู่แข่งด้านการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นจากอดีตมาก และข้าวไทยมีราคาขายสูงกว่าประเทศคู่แข่ง
อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังคงมีฐานลูกค้าเดิมที่เหนียวแน่นในหลายประเทศ เนื่องจากข้าวไทยมีความโดดเด่นเรื่องคุณภาพ โดยในแต่ละประเทศจะมีความนิยมพันธุ์ข้าวที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศในทวีปแอฟริกา จะนิยมข้าวพื้นแข็ง และประเทศในทวีปเอเชียจะนิยมข้าวพื้นนุ่ม ซึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการนำเข้าข้าวของประเทศต่าง ๆ คือ ราคาถูก และตามด้วยคุณภาพข้าว ดังนั้นจึงถือเป็นความท้าทายของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่จะต้องระดมสมอง วางแนวทางเพื่อพัฒนาการผลิตข้าวเพื่อการแข่งขัน โดยการเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ การพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ตรงตามความต้องการตลาด มุ่งเน้นความสำคัญในการรักษาคุณภาพข้าวควบคู่กับการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกข้าวไทยอีกด้วย นอกจากนี้ปัญหาที่ผ่านมาไทยยังเสียแชมป์ในการส่งออกข้าวมา 3 ปี และตกอันดับที่หนึ่งในการแข่งขันประกวดข้าวหอมมะลิโลก เป็นเรื่องสำคัญมากที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพข้าวไทยในทุกมิติ
นายประภัตร์ บอกอึกว่าในส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง จะยาวนานอย่างไร และส่งผลกระทบกับผลผลิตข้าว ลดลงเท่าไหร่ ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นหรือไม่ นั้นขณะนี้ยังประเมินไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนต้องตระหนักใช้น้ำอย่างประหยัด เพราะปีนี้ปริมาณน้ำต้นทุนมีน้อย ต้องจำกัดไว้กินใช้ รักษาระบบนิเวศ ผลักดันน้ำเค็ม ดังนั้นทุกหน่วยงานต้องลงทำความเข้าใจกับชาวนาชาวไร่ ให้ยืดเวลาการลงมือเพาะปลูกออกไปก่อนจนกว่าจะเข้าหน้าฝนจริงๆจะไม่เสี่ยงเสียหาย ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าฤดูฝนจะมาล่าช้า อาจเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงไปถึงเดือนก.ค.
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยเกษตรกรมาก ช่วง 4 เดือนนี้ให้เร่งรัดหาอาชีพเสริม โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.) ปล่อยสินเชื่อ 5 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำล้านละ 100 บาท ในโครงการเกษตรสร้างชาติ มีการส่งเสริมทั้งปลูกพืชใช้น้ำน้อย ทำปศุสัตว์ ประมง เพื่อช่วยชาวนาชาวไร่ มีรายได้ในช่วงหน้าแล้ง เพียงพอเลี้ยงครอบครัว รวมทั้ง นายกฯให้งบขุดบ่อบาดาล 2 พันล้านบาท ในพื้นที่ที่น้ำไม่พอ ซึ่งก่อนที่ชาวนาจะเพาะปลูกรอบใหม่ให้คิดให้ดีก่อน รอฝนตกต้องตามฤดูกาลจึงปลูกข้าว