วิกฤตภัยแล้งปี 2563 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเกษตรกรอย่างน้อย 20 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 5,297 หมู่บ้านแล้ว และวิกฤตภัยแล้งนี้อาจจะลากยาวไปถึงกลางปี บางพื้นที่นาข้าวหลายร้อยไร่ยืนต้นตายเพราะไม่มีน้ำ บางพื้นที่ภาครัฐได้ออกมาประกาศให้ชาวนางดการทำนาปรังและให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นที่ใช้น้ำน้อยกว่า การปรับตัวสำหรับเกษตรกรจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเพื่อให้เอาตัวรอดผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งนี้ไปได้
คุณวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไปบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ตราศรแดง ผู้นำอันดับ 1 ด้านเมล็ดพันธุ์ผัก กล่าวระหว่างไปเปิดตัวโครงการ “ศรแดงพืชน้ำน้อย” ณ แปลงปลูกกลางทุ่งนา ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ ว่า
“วิกฤตภัยแล้ง หรือที่เราเรียกว่า เอลณีโญ โดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นทุก ๆ 5 ปี ถ้าพวกเราจำกันได้ปี 2559 จะเป็นปีที่แล้งหนักมาก และในปี 2563 นี้วิกฤตภัยแล้งก็จะเวียนมาครบอีกรอบ โดยในปีนี้ค่อนข้างที่จะรุนแรงมากสาเหตุเพราะปริมาณฝนที่ตกปี 2562 น้อยกว่าปกติ ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมน้อย พอปี 2563 ตามข้อมูลพยากรณ์ของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พบว่าฝนจะตกล่าช้ากว่าปกติ 1 – 2 เดือน คือ จะเริ่มช่วง มิ.ย. – ก.ค. 2563 (ปกติแต่ละปีฝนจะเริ่มตก กลาง พ.ค.- ต.ค.) และปี 2563 อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 – 2 องศา ฯ หรือราว 40 กว่าองศา ฯ ทำให้แหล่งน้ำต่าง ๆ เหือดแห้ง ทางบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด เราตระหนักเกี่ยวกับปัญหาภัยแล้งนี้ เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศเป็นชาวนา รองลงมาคือปลูกพืชไร่ ไม่ว่าจะเป็นอ้อย มันสำปะหลัง ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะว่าเป็นพืชที่ใช้น้ำมาก ปริมาณ 1,100 ลบ.ม.ต่อไร่ต่อรอบการปลูก ใช้ระยะเวลาการปลูก 100-120 วัน”
ศรแดงพร้อมให้ความรู้ตั้งแต่ปลูกไปจนขาย
ที่มาของโครงการ เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2559 เป็นโครงการที่ 1 เราใช้ชื่อโครงการว่า “ศรแดงพืชน้ำน้อย จากร้อยสู่ล้าน” ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีมากจากหน่วยงานราชการต่าง ๆ รวมทั้งเกษตรกรผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง เดิมที่เกษตรกรไม่มีความรู้เกี่ยวกับการปลูกผัก ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี เราก็นำเสนอทางเลือกให้กับเกษตรกรโดยมอบองค์ความรู้การปลูกพืชผักที่ใช้น้ำน้อย ผ่านชุดกล่องเมล็ดพันธุ์ และมีเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่ให้ความรู้กับกลุ่มเกษตรกรต่าง ๆ ทั่วประเทศ
และในปี 2563 นี้เป็นโครงการที่ 2 ซึ่งได้มีการเปิดตัวในวันนี้ (20 มกราคม 2563) ทางบริษัท ฯ มองเห็นว่า เราให้คำแนะนำเรื่องเมล็ดพันธุ์และการปลูกพืชอย่างเดียวคงไม่พอ สิ่งที่สำคัญสำหรับพืชน้ำน้อยคือเรื่องการเทคโนโลยีการใช้น้ำ วิธีการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น ระบบน้ำหยด สปริงเกอร์ วิธีการจัดการเรื่องโรคแมลงต่างๆ เราใส่องค์ความรู้นี้เพิ่มเติมเข้าไปให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อให้เกษตรกรปลูกพืชน้ำน้อยให้ผลผลิตมีคุณภาพมากที่สุด
นอกจากนี้ ในด้านผลผลิต คุณอิสระ วงศ์อินทร์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด กล่าวว่าทางศรแดงจะเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาด้านตลาดของผลผลิตสำหรับพืชน้ำน้อย โดยจะมีเครือข่ายกับทางพ่อค้า และแม่ค้าที่ขายผลผลิต อย่างเช่นตลาดไท และยังมีการทำตลาดผ่านออนไลน์ จะมีกลุ่มในเฟสบุ๊ค ทางเกษตรกรสามารถนำผลผลิตตัวเองไปโพสขายได้ โดยตรง มี 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปลูกแตง มะระ บวบ ศรแดง กลุ่มปลูกข้าวโพดศรแดง กลุ่มปลูกพริกศรแดง ซึ่งในกลุ่มเหล่านี้จะเป็นที่รวมตัวกันของพ่อค้า แม่ค้า ผู้รับซื้อผลผลิต และเพจเหล่านี้เมื่อมีปัญหาในเรื่องการปลูก สมาชิกกลุ่มก็ให้คำปรึกษาได้ด้วย
ศรแดงแนะ 7 พืชใช้น้ำน้อย พร้อมผลตอบแทน
สำหรับพืชน้ำน้อยที่ศรแดงแนะนำมีทั้งหมด 7 ชนิด แต่ละชนิดได้วิจัยและพัฒนาให้สามารถทนแล้งได้ ประกอบด้วย
- ข้าวโพดข้าวเหนียว พันธุ์สวีทไวโอเล็ท ข้าวโพดหวาน พันธุ์จัมโบ้สวีท
- อัตราการใช้น้ำ 438 (ลบ.ม./ไร่)
- ระยะเวลาเริ่มเก็บเกี่ยว 70 (วัน)
- สร้างรายได้ 16,000-17,000 (บาท)
- ฟักทอง พันธุ์ข้าวตอก 573 และประกายเพชร
- อัตราการใช้น้ำ 616 (ลบ.ม./ไร่)
- ระยะเวลาเริ่มเก็บเกี่ยว 75-90 (วัน)
- สร้างรายได้ 24,000 (ลบ.ม./ไร่)
- ถั่วฝักยาว พันธุ์ลำน้ำชี และลำน้ำพอง
- อัตราการใช้น้ำ 458 (ลบ.ม./ไร่)
- ระยะเวลาเริ่มเก็บเกี่ยว 55-60 (วัน)
- สร้างรายได้ 60,000 (บาท)
- แฟง พันธุ์สะพายเพชร
- อัตราการใช้น้ำ 551 (ลบ.ม./ไร่)
- ระยะเวลาเริ่มเก็บเกี่ยว 60-65 (วัน)
- สร้างรายได้ 40,000 (บาท)
- แตงกวา พันธุ์ธันเดอร์กรีน
- อัตราการใช้น้ำ 660 (ลบ.ม./ไร่)
- ระยะเวลาเริ่มเก็บเกี่ยว 30-32 (วัน)
- สร้างรายได้ 39,000 (บาท)
- ผักใบ ผักบุ้ง พันธุ์ยอดไผ่ 9
- อัตราการใช้น้ำ 300 (ลบ.ม/ไร่)
- ระยะเวลาเริ่มเก็บเกี่ยว 21 (วัน)
- สร้างรายได้ 43,200 (บาท)
- พริกขี้หนู พันธุ์เพชรมงกุฏ
- อัตราการใช้น้ำ 758 (ลบ.ม./ไร่)
- ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 150 (วัน)
- สร้างรายได้ 105,000 (บาท)
ศรแดงเฟ้นหาสุดยอดเกษตรกรพืชน้ำน้อย
ในตอนท้ายของการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่มาร่วมงานเปิดตัวโครงการศรแดงพืชน้ำน้อย โครงการ 2 คุณวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไปบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ได้กล่าวย้ำว่า ทางศรแดงต้องการหาทางออกให้กับเกษตรกรในช่วงภัยแล้งให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้โครงการในปีนี้เกิดการตระหนักรับรู้ในวงกว้างและนำองค์ความรู้ไปใช้ได้จริง จึงมีการเฟ้นหาสุดยอดเกษตรกรพืชน้ำน้อย โดยจะจัดขึ้นภาคละ 1 จุด
ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงราย อำเภอพญาเม็งราย, ภาคอีสาน ที่จังหวัดนครราชสีมา, ภาคใต้ตอนบน ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และภาคกลาง ที่จังหวัดนครสวรรค์ (สถานที่จัดแถลงข่าวในวันนี้)
หลักเกณฑ์การประกวด ต้องเป็นเกษตรกรที่ทำนา หรือปลูกพืชไร่อยู่ โดยทางเจ้าหน้าที่ภาคสนามของศรแดงจะทำการคัดเลือกเกษตรกรขึ้นมาจำนวน 3 คนในแต่ละพื้นที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ภาคสนามจะเข้าไปให้ความรู้การปลูกพืชน้ำน้อยคือ ระบบน้ำหยด การคลุมแปลง การปลูกพืชน้ำน้อย ผ่านแปลงตัวอย่าง และเกษตรกรต้องนำความรู้ที่ได้รับไปใช้กับแปลงของตนเอง โดยต้องใช้ 1.ระบบน้ำหยด 2.การคลุมแปลง 3.การปลูกพืชน้ำน้อยไปใช้ โดยมีเจ้าหน้าที่ภาคสนามเป็นพี่เลี้ยง โดยค่าใช้จ่ายด้านระบบน้ำหยด การคลุมแปลง เมล็ดพันธุ์ บริษัทฯ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้
เกณฑ์การพิจารณา พิจารณาดูว่าเกษตรกรได้นำสิ่งที่ให้ไป ไปใช้ประโยชน์เต็มที่หรือไม่ รวมไปถึงปริมาณผลผลิตที่ได้ และความสวยงามตรงความต้องการของตลาดหรือไม่
ของรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศ รางวัลที่ 1 ของรางวัลมูลค่ารวม 18,500 บาท รางวัลที่ 2 ของรางวัลมูลค่ารวม 12,000 บาท และรางวัลที่ 3 ของรางวัลมูลค่ารวม 6,500 บาท ทั้ง 3 รางวัลนี้จะมีชุดระบบน้ำหยด เมล็ดพันธุ์ผัก ให้เกษตรกรสามารถนำไปต่อยอดการทำเกษตรต่อไปได้
ระยะเวลาการประกวด 1-28 ก.พ. 2563 คัดเลือกเกษตรกรเพื่อเข้าร่วมโครงการ, 1-31 มี.ค. 2563 เกษตรกรปลูกพืชน้ำน้อยตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้, 1-30 เม.ย. 2563 เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิต, 8 พ.ค. 2563 คณะกรรมการตัดสิน, 15 พ.ค. 2563 ประกาศผลผ่านทางเพจเฟสบุ๊ค : เมล็ดพันธุ์ตราศรแดง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด โทร. 02-831-7777, เฟสบุ๊คเพจ เมล็ดพันธุ์ตราศรแดง, Line: @sorndaengseed หรือที่ www.eastwestseed.com