กรมวิชาการเกษตร ส่งสัญญาณหนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศจ่อชายแดนไทยแล้ว สั่งด่านตรวจพืชเอกซเรย์สินค้านำเข้าจากเพื่อนบ้านเข้มข้น พร้อมติดกับดักฟีโรโมนทุกด่านดักจับตามช่องทางผ่านชายแดน อุดทุกช่องทางระบาด กระตุ้นทุกภาคส่วนร่วมเฝ้าระวัง ย้ำหากพบเสียหายหนักทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรมผลิตซอส ผลผลิตไม่เพียงพอต้องพึ่งนำเข้า
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูปลูกมะเขือเทศรอบใหม่ขอแจ้งเตือนให้เกษตรกร โรงเรือนผลิตกล้ามะเขือเทศ และจุดรวบรวมผลผลิตและตลาด เฝ้าระวังและติดตามการระบาดของหนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ล่าสุดได้รับรายงานการระบาดของศัตรูพืชร้ายแรงชนิดนี้ในประเทศเพื่อนบ้านและพื้นที่การระบาดดังกล่าวอยู่ใกล้ชายแดนประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดตาก เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกมะเขือเทศที่สำคัญของไทยที่เสี่ยงต่อการะบาดต้องเฝ้าระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังต้องติดตามเฝ้าระวังแหล่งปลูกมะเขือเทศของไทยที่ผลิตเพื่อบริโภคสดและเข้าโรงงานในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งแหล่งผลิตเพื่อทำเมล็ดพันธุ์ใช้ในประเทศและส่งออกด้วย
ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืช กรมวิชาการเกษตร เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าตามแนวชายแดน โดยตรวจพืชต้องสงสัยที่มีโอกาสเป็นแหล่งอาศัยของหนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศ พืชอาศัยและผลิตผลพืชที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านโดยต้องสุ่มตรวจให้ละเอียด เพื่อป้องกันศัตรูพืชชนิดนี้ติดปนเปื้อนเข้ามา เช่น ไข่ของหนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศ ซึ่งมีลักษณะเป็นฟองเดี่ยวขนาดเล็กบนใบพืช หนอนหรือรอยทำลายบนใบพืช ดักแด้ที่อาจติดมากับวัสดุปลูก รวมทั้งต้องหมั่นตรวจกับดักฟีโรโมนที่ได้สั่งการให้สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร นำไปติดตั้งไว้บริเวณช่องทางผ่านชายแดนจำนวน 48 ด่านทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า สำหรับเกษตรกรแนะนำให้ใช้ต้นกล้ามะเขือเทศและวัสดุปลูกที่ปลอดจากหนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศ และตรวจหาการทำลายโดยสำรวจร่องรอยการทำลายบนใบมะเขือเทศ ผล ดอก และยอด หรือดักจับผีเสื้อโดยใช้กับดักฟีโรโมนดักจับตัวเต็มวัยเพศผู้เพื่อลดประชากรผีเสื้อหนอนชอนใบมะเขือเทศ จำนวน 6 – 8 กับดักต่อไร่ อย่างไรก็ตาม แม้ในขณะนี้จะยังไม่พบการระบาดของหนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศ กรมวิชาการเกษตรได้จัดทำคำแนะนำการป้องกันกำจัดศัตรูพืชร้ายแรงชนิดนี้ไว้พร้อมแล้ว โดยหากตรวจพบผีเสื้อหรือการทำลายของหนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศแนะนำให้ใช้สารชีวภัณฑ์เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ทูริงเยนซิส สายพันธุ์เคอร์สตากี้ อัตรา 80 กรัม / น้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 4 – 7 วัน เมื่อพบการระบาดในระยะเริ่มต้นหรือระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต
ส่วนการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ อีมาเมกติน เบนโซเอต อัตรา 20 มิลลิลิตร / น้ำ 20 ลิตร คลอแรนทรานิลิโพรล อัตรา 20 มิลลิลิตร / น้ำ 20 ลิตร สไปนีโทแรม อัตรา 20 มิลลิลิตร / น้ำ 20 ลิตร อินดอกซาคาร์บ อัตรา 30 มิลลิลิตร / น้ำ 20 ลิตร ลูเฟนนูรอน อัตรา 30 มิลลิลิตร / น้ำ 20 ลิตร โดยพ่นสารกำจัดแมลงทุก 4 – 7 วัน ติดต่อกัน 2 – 3 ครั้ง และใช้กลุ่มสารสลับกันอย่างน้อย 2 กลุ่ม ใน 1 รอบวงจรชีวิตคือ 30 วัน และเว้นระยะไม่ใช้สารกลุ่มเดิมในรอบวงจรชีวิตถัดไป เพื่อลดการสร้างความต้านทานต่อสารกำจัดแมลง
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวต่อไปว่า หนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศเป็นแมลงศัตรูพืชสำคัญสร้างความเสียหายต่อพืชเศรษฐกิจในหลายประเทศ หากพบเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศจะส่งผลกระทบให้ปริมาณผลผลิตลดลง คุณภาพไม่ได้มาตรฐานไม่เป็นที่ต้องการของตลาด หรือหากระบาดมากจะทำให้ผลผลิตเสียหายเกือบ100 % ผลผลิตมะเขือเทศลดลง ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งกระทบต่ออุตสาหกรรมโรงงานผลิตซอสมะเขือเทศอาจต้องมีการนำเข้าผลมะเขือเทศ
นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดผลกระทบด้านการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากหนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศเป็นศัตรูพืชกักกันของประเทศไทยและอีกหลายประเทศ หากเกิดการระบาดจะส่งผลให้การเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้าประสบปัญหามากขึ้น หรืออาจไม่สามารถส่งออกผลผลิตมะเขือเทศในรูปผลสดได้เลย จึงขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันเฝ้าระวัง โดยหากพบแมลงศัตรูพืชที่มีลักษณะคล้ายหนอนผีเสื้อชอนใบมะเขือเทศ สามารถแจ้งได้ที่สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช สายด่วน 061-415-2517