เรื่อง/ภาพ : จตุพล เกษตรก้าวไกล
ทีมข่าวเกษตรก้าวไกล เดินทางไปถึงประตูสู่ภาคใต้ คือจ.ชุมพร พบข้าราชการในบทบาทของเกษตรกร ที่ปลูกทุเรียนในนาและสวนปาล์ม นั่นก็คือนายอำเภอเมืองชุมพร “นายนักรบ ณ ถลาง” เรียนรู้กันแบบจะๆ กับสารพัดเทคนิคการจัดการแบบกลางสวนที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมข้อแนะนำจากเกษตรกรคนเก่ง “ผู้ใหญ่ดำรงศักดิ์ และคุณจำนงค์(พี่น้อย) สินศักดิ์” เกษตรกรผู้เชี่ยวชาญการปลูกทุเรียนของจ.ชุมพร
นายนักรบ ณ ถลาง “นายอำเภอหัวใจเกษตร” กล่าวว่าพื้นที่เดิมของสวนทุเรียนแห่งนี้เป็นที่นามาก่อน จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนเป็นสวนปาล์มน้ำมัน เมื่อปาล์มน้ำมันราคาถูก จึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนมาปลูกทุเรียน โดยมี ผู้ใหญ่ดำรงค์ศักดิ์ สินศักดิ์ และ คุณจำนงค์(พี่น้อย) สินศักดิ์ สองสามีภรรยา เกษตรกรตัวจริง เสียงจริง มาช่วยแนะนำ โดยวิธีการปลูกทุเรียนของสวนคือการปลูกต้นพันธุ์ทุเรียนพื้นบ้าน เพราะหากินเก่ง เมื่ออายุ 1 ปี ก็นำกิ่งทุเรียนหมอนทอง มาเสียบยอด หรือที่เรียกกันว่า “กาฝาก” เพื่อมาแทนที่ทุเรียนบ้าน ส่วนใหญ่ที่สวนจะเป็นพันธุ์หมอนทอง
นายอำเภอเมืองชุมพร กล่าวว่าด้านหลังพื้นที่เป็นนาเก่า บางช่วงจะมีน้ำขัง แต่เรามีวิธีจัดการที่จึงทำให้ทุเรียนอยู่ได้ ต้องใช้ปุ๋ยคอก มาปรับปรุงดิน นอกจากนี้เราก็ปลูกต้นกล้วยเสริมเพื่อให้ดินเกิดความชุ่มชื้น รากก็จะช่วยดึงดินให้โปร่ง เมื่อต้นกล้วยตายไปแล้วก็จะเป็นปุ๋ยที่ดี ตนเพิ่งปลูกทุเรียนมา 4 ปี ตอนที่มาเป็นนายอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร เพราะเห็นเกษตรกรเขาขายทุเรียนแล้วนำมาชั่งเป็นกิโลกรัม ไม่ใช่ทุเรียน แต่เป็นเงินที่นำมาชั่งกันเป็นกิโลกรัม คือ 1 กิโลกรัมเท่ากับ 1 ล้านบาท อยากรวยเหมือนชาวบ้านจึงต้องหันมาปลูกทุเรียน
“ที่สวนจะปลูกทุเรียนหลายรุ่น เมื่อตายก็ปลูกใหม่ จึงมีทุเรียนหลายรุ่น เราเน้นธรรมชาติ ปาล์มที่ยังอยู่นี้ก็จะช่วยบังลมให้ทุเรียน เราใช้เทคนิคกาฝากนี้แหละปลูกทุเรียนจนเต็มสวน เทคนิคอีกอย่างหนึ่งคือเราจะใช้ขี้หมูใส่เสริมรอบๆ พุ่มต้นทุเรียน ใช้วิธีขุดหลุมรอบๆ ต้นทุเรียน สังเกตพุ่มอยู่ตรงไหน รากทุเรียนก็จะอยู่ตรงนั้น” นายอำเภอนักรบ กล่าว
ด้านผู้ใหญ่ดำรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า เทคนิคอีกอย่างหนึ่งคือเราต้องกรีดต้นทุเรียน เพื่อให้ทุเรียนเจริญ โดยเราจะกรีดปีละครั้งเพื่อต้นจะได้ขยาย ส่วนวิธีการเสียบยอด เราจะใช้ยอดที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป หรือต้นที่ให้ผลแล้วยิ่งดี นำไปเสียบกับต้นทุเรียนพื้นบ้าน เราจะกรีดตรงที่มีตา เพื่อจะเอากิ่งทุเรียนพันธุ์ไปฝากไว้ คือตาต้องตรงกันระหว่างตาพันธุ์ทุเรียนหมอนทองกับตาของทุเรียนพื้นบ้าน เพราะเป็นแหล่งสะสมอาหาร เพื่อต้นทุเรียนจะได้รอดและโตเร็ว
“หลังจากเสียบยอดเสร็จแล้วจะนำพลาสติกมาพัน 1 รอบ อย่าให้น้ำเข้า อีก 25 วันจึงมาแกะพลาสติก จากนั้นก็ไปตัดยอดข้างบน เหลือไว้ให้ปรุงแสงเพียงกิ่งหรือสองกิ่งเท่านั้น ระหว่างที่เสียบยอดต้องงดน้ำประมาณ 10 วัน และไม่ควรใส่ปุ๋ย” ผู้ใหญ่ดำรงค์ศักดิ์ กล่าว
นายอำเภอนักรบ กล่าวอีกว่า ตนลองผิดลองถูกมาเยอะ เคยปลูก 200 กว่าต้น เหลือรอดเพียง 5 ต้น ต่อมาได้ผู้ใหญ่ดำรงค์ศักดิ์ และพี่น้อย (ภรรยาผู้ใหญ่ดำรงค์ศักดิ์) มาช่วยดูแล ผู้ใหญ่มีเทคนิคการกรีดต้น เหมือนสุภาพสตรีเมื่อท้องแล้ว ท้องต้องลายเพื่อการเจริญเติบโตของเด็ก ทุเรียนก็เหมือนกันเราต้องกรีด เพื่อให้ต้นขยายเร็ว รีบเจริญเติบโต เหมือนกับผู้หญิงท้องลายอย่างไรอย่างนั้น เมื่อต้นทุเรียนโตแล้ว อย่าให้ต้นไม้ใหญ่มาบัง เช่นต้นปาล์มเราก็ต้องเอาออก และอีกอย่างอย่าปล่อยให้ทุเรียนรกทึบ ไม่เช่นนั้นจะมีเพลี้ยหอย เพลี้ยจั๊กจั่นมารบกวน ควรตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง
“ที่สวนทุเรียนของผมขุดสระไว้ประมาณ 1 ไร่เศษ เลี้ยงปลาไว้หลากหลายชนิด ทั้งปลาดุก ปลาสวาย ปลาทับทิม เลี้ยงมา 3 ปีแล้ว ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมาให้อาหารปลาเป็นความสุขในวันพักผ่อน”
ด้านผู้ใหญ่ดำรงค์ศักดิ์ กล่าวสรุปว่า สำหรับการปลูกทุเรียนให้ไม่ตายก็อยู่ที่การดูแลรักษา ดินสำคัญที่สุด เราต้องนำดินไปตรวจก่อนปลูก แล้วใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เราต้องรู้จักดิน ว่ามัดขาดอะไร แล้วเติมในสิ่งเขาขาด ส่วนพันธุ์ทุเรียนที่ปลูกต้องหมอนทองเป็นหลัก สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย ที่ชุมพรจะปลูกทุเรียนพันธุ์พื้นบ้านก่อน เมื่ออายุ 1 ปี แล้วถึงไปเสียบยอดเป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง วิธีเสียบต้องให้ตากิ่งพันธุ์และตาต้นกาฝากไว้ให้ตรงกัน รับรองต้นไม่ตาย รอดทุกต้น ส่วนด้านการตลาดไม่ต้องกลัว ทุเรียนไทยไปได้ดี กลัวแต่เราจะทำกันเอง เช่นตัดทุเรียนอ่อนไปขาย
“การเป็นข้าราชการแล้วมาทำเกษตรนี้ ถือว่าเวลามันมีค่า เมื่อมาทำเกษตรจริงๆ แล้วทิ้งตำราไปเลย การมาปลูกทุเรียนนี้ดีกว่าการตีกอล์ฟอีก ปลูก 10-20 ไร่ เดินดูเหนื่อยเลย มาทำเกษตรเถอะครับ รับรองได้สุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วย” นายอำเภอนักรบกล่าวทิ้งท้าย