คิง ฟรุทส์ ตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 วงการกล้วยหอมทอง จับมือกลุ่มวิสาหกิจกล้วยหอมทอง ต.สุขไพบูลย์ ที่โคราช ลงนามรับซื้อผลผลิตระยะยาว 5 ปี ตั้งเป้าขยายพื้นที่ปลูก 3,000 ไร่ และจะสามารถสร้างรายได้จากการปลูกกล้วยหอมทองได้ไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
วันที่ 14 ก.ค 63 จังหวัดนครราชสีมา โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดให้มีพิธีลงนามสัญญา ซื้อ-ขายกล้วยหอมทอง (MOU) ระหว่าง บริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด โดย นายเกรียงศักดิ์ วิเลปะนะ ประธานกรรมการ บริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด นางเสาวณี วิเลปะนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมทองตำบลสุขไพบูลย์ โดย นายสมศักดิ์ แสงรัมย์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกกล้วยหอมทอง ต.สุขไพบูลย์ นายสมศักดิ์ ทุมนอก กรรมการวิสาหกิจชุมชนฯ ณ ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมทอง ตำบลสุขไพบูลย์ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา โดยมี นายกังสดาล สวัสดิ์ชัย เกษตรจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี และมี นางจุฑารัตน์ พัฒนาทร ผู้อำนวยการฝ่ายประกันคุณภาพ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) นายสานิตย์ ศรีทวี นายอำเภอเสิงสาง ร่วมเป็นสักขีพยาน ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานกว่า 100 คน
นายกังสดาล สวัสดิ์ชัย เกษตรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จังหวัดนครราชสีมา ได้ให้ความสำคัญกับระบบส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ที่ยึดพื้นที่เป็นหลัก (area-based approach) มีการดำเนินงานในลักษณะบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้จัดการแปลงเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ในทุกกิจกรรมตลอดห่วงโซ่การผลิต ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มทำการผลิต การบริหารจัดการร่วมกันและรวมกันจำหน่าย โดยมีตลาดรองรับที่แน่นอน เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต สร้างผลผลิตเพิ่มขึ้นมีคุณภาพได้มาตรฐาน และให้เกษตรกรเป็นผู้บริหารจัดการการผลิต ผลผลิต และตลาดได้ ซึ่งการลงนามในครั้งนี้เป็นการสร้างความชัดเจนในด้านตลาดรองรับผลผลิตกล้วยหอมทองของเกษตรกรที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายตลาดนำการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขณะที่ทางบริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตกล้วยหอมทองที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของประเทศ ซึ่งมีการส่งเสริมการปลูกกล้วยหอมทองพร้อมรับซื้อจากเกษตรกรในหลายจังหวัด โดยผลผลิตจะส่งจำหน่ายไปยังห้างสรรพสินค้าหาชั้นนำภายในประเทศ และขณะนี้มีแผนขยายปริมาณการส่งจำหน่ายกล้วยหอมทองเพิ่มขึ้นทั้งตลาดภายในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่ง นายเกรียงศักดิ์ วิเลปะนะ ประธานบริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเข้ามาช่วยเติมเต็มด้านการตลาดให้กับเกษตรกรสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมทองตำบลสุขไพบูลย์ ซึ่งบริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด ได้เข้ามาดำเนินการส่งเสริมในเขตตำบลสุขไพบูลย์เป็นปีที่ 5 เริ่มต้นจากเกษตรกรเพียง 7 ราย พื้นที่ 30 ไร่ จนมาถึงวันนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมถึง 100 ครอบครัว พื้นที่ปลูก ประมาณ 700 ไร่ ทั้งนี้มาจากการประกอบธุรกิจด้วยความจริงใจ เอาประโยชน์ของเกษตรกรเป็นที่ตั้ง
“สิ่งที่ บริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด ให้ความสำคัญ คือ ความร่วมมือของเกษตรกรในการสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยองค์ความรู้ต่างๆที่ต้องใช้ในการบริหารจัดการสวนกล้วยหอมทอง ทางบริษัทมีทีมงานด้านวิชาการเข้ามาสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และเกษตรกรสมาชิกได้นำไปปฏิบัติจนสามารถผลิตกล้วยหอมทองคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด ทำให้บริษัทสามารถรับซื้อเพื่อส่งจำหน่ายต่อยังห้างสรรพสินค้าได้ทั้งหมด ด้วยคุณภาพและความทุ่มเทของเหล่าเกษตรกรสมาชิก คาดว่าจากการลงนามสัญญาระยะยาว 5 ปี ในครั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้จากการปลูกกล้วยหอมทองได้ไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาทอย่างแน่นอน เพราะตลาดกล้วยหอมคุณภาพยังเปิดกว้าง และมีผลผลิตยังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค” นายเกรียงศักดิ์ กล่าว
ส่วน นายสานิตย์ ศรีทวี นายอำเภอเสิงสาง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการลงนามในครั้งนี้ประกอบด้วยสัญญาที่แบ่งออกเป็น 2 ฉบับ โดย หนึ่ง เป็นสัญญาการรับซื้อต่อเนื่องระยะเวลา 5 ปี และ สอง สัญญาการรับซื้อปีต่อปี ซึ่งทางอำเภอได้นำสัญญาดังกล่าวไปตรวจสอบในรายละเอียดและข้อกำหนดต่างๆ เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจน สร้างความสบายใจให้กับเกษตรกรที่จะเข้าร่วม พบว่า ทุกข้อสัญญาที่กำหนด มีรายละเอียดที่สร้างความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งได้แจ้งให้กับเกษตรกรได้รับทราบเป็นที่เรียบร้อยเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ขณะที่ นางจุฑารัตน์ พัฒนาทร ผู้อำนวยการฝ่ายประกันคุณภาพ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม็คโครมีวิสัยทัศน์และนโยบายที่จะเติบโตไปด้วยกันกับเกษตรกรด้วยความยั่งยืน ดังสโลแกน “แม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย” ที่มุ่งมั่นมาตลอด และการที่เกษตรกรจะเข้มแข็งได้ต้องรวมตัวกันให้เหนียวแน่น ผลผลิตต้องได้คุณภาพ มีวิธีการจัดการที่สามารถลดต้นทุนเพิ่มผลิต อย่างกล้วยหอมของเรามีคุณภาพแตกต่างกับที่อื่นอย่างไร และสิ่งสำคัญทำการเกษตรด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยในกระบวนการผลิต ถ้าเราทำได้มีคุณภาพความยั่งยืนในเรื่องตลาดนำการเกษตรก็จะเกิดขึ้นได้
ด้าน นายสมศักดิ์ แสงรัมย์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมทองตำบลสุขไพบูลย์ กล่าวว่า เกษตรกรในพื้นที่ตำบลสุขไพบูลย์ได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนมาตั้งแต่ปี 2560 โดยวางเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจปลูกและจำหน่ายกล้วยหอมทองไทยพันธุ์ปทุมเป็นหลัก ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด ซึ่งเข้ามาส่งเสริมการปลูกพร้อมทั้งรับซื้อผลผลิต สาเหตุที่เลือกปลูกกล้วยหอมทองเพราะ การปลูกพืชล้มลุก อย่าง มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้นมีปัญหาเรื่องความไม่แน่นอนของตลาดบางปีราคาดี บางปีราคาตกต่ำ อีกทั้งยังประสบปัญหาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เกษตรกรสมาชิกของกลุ่มและบริษัทต่างยึดหลักการเดียวกันคือ รับฟังซึ่งกันและกัน เดินไปด้วยกันฉันท์พี่น้อง พร้อมทั้งใช้หลักวิชาการด้านการบริหารจัดการสวน ไม่ว่าเทคโนโลยีการจัดการดูแล การป้องกันโรครวมถึงการสร้างผลผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ภายใต้มาตรฐาน GAP ซึ่งเป็นหนึ่งในระเบียบสำคัญของกลุ่มฯซึ่งเกษตรกรสมาชิกต่างได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้กลุ่มของเรามีพื้นที่ปลูกกล้วยหอมทองถึง 700 ไร่ ส่งกล้วยหอมทองให้ คิง ฟรุทส์ ปีละ1,000 ตัน สร้างรายได้ถึง 12 ล้านบาทต่อปี และยังได้วางเป้าหมายที่จะขยายพื้นที่ปลูกให้เพิ่มขึ้นถึง 3,000 ไร่ในอนาคต วันนี้บอกได้แค่ว่า เราเลือกพืชสร้างรายได้ที่ถูกชนิด เลือกที่จะเน้นการผลิตที่คำนึงถึงคุณภาพเป็นหลัก ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และมีบริษัทผู้รับซื้อที่ดี อย่าง คิง ฟรุทส์ จึงนำมาซึ่งความสำเร็จในวันนี้” นายสมศักดิ์ กล่าว
อนึ่ง ภายหลังพิธีลงนามสัญญา ซื้อ-ขายกล้วยหอมทอง (MOU) แขกผู้มีเกียรติได้เดินทางไปที่สวนกล้วยหอมทองของ คุณสมศักดิ์ แสงรัมย์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกกล้วยหอมทอง ต.สุขไพบูลย์ ซึ่งกล้วยหอมที่ปลูกกำลังออกเครือและกำหนดจะเริ่มตัดเป็นชุดแรก จึงได้รับเกียรติจาก นายกังสดาล สวัสดิ์ชัย เกษตรจังหวัดนครราชสีมา และ นายสานิตย์ ศรีทวี นายอำเภอเสิงสาง เป็นผู้ตัดกล้วยหอมทองเป็นปฐมฤกษ์ของสวน สร้างความปลาบปลื้มดีใจให้กับเกษตรกรผู้เป็นเจ้าของสวน รวมทั้งเกษตรกรที่ร่วมเดินทางมาดูงานแปลงปลูก ซึ่งเกษตรกรกล่าวว่าตั้งแต่ทำการเกษตรมายังไม่เคยมีครั้งใดที่ข้าราชการระดับสูงจะลุยมาถึงสวนเท่ากับครั้งนี้