กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ เตรียมลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี หารือเตรียมความพร้อมและโอกาสการขยายตลาดข้าวโพดราชินีทับทิมสยาม และข้าวกล้อง กับผู้ประกอบการและกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดสระบุรี เพื่อสร้างความมั่นใจในการเข้าสู่ตลาดการค้าเสรี
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาฯ จับมือสภาเกษตรกรแห่งชาติ กำหนดดำเนินโครงการ “การเพิ่มศักยภาพเกษตรกรไทยในยุคการค้าเสรี” ครั้งที่ 3 ในวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563 จะลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี พบหารือกับผู้ประกอบการและเกษตรกร โดยเยี่ยมชมการดำเนินงาน และแปลงข้าวโพดพันธุ์ราชินีทับทิมสยามของ บริษัท วิจัยพัฒนาเมล็ดพันธุ์ไทย จำกัด พร้อมหารือในเรื่อง “โอกาสทางการค้าของข้าวโพดราชินีทับทิมสยามออร์แกนิคในตลาดการค้าเสรี” เพื่อเน้นการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ เป็นเครื่องมือในการเข้าสู่ตลาดการค้าเสรี และในโอกาสนี้ จะพบหารือกับ บริษัท Nature Food Products and Marketing เพื่อรับฟังบรรยายเรื่อง “วิกฤติหรือโอกาสการส่งออกของข้าวกล้องภายใต้สถานการณ์โควิด-19” เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ ในประเด็นการรับมือกับการเปิดตลาดเสรีของสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป
นางอรมน กล่าวเสริมว่า ไทยมีบทบาทในการส่งออก อาหาร สินค้าเกษตร และเกษตรแปรรูป ในเวทีโลก โดยการดำเนินโครงการในครั้งนี้ กรมฯ มีความตั้งใจที่จะสร้างความรู้ ความเข้าใจ เรื่องช่องทางการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี ให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ เพื่อขยายตลาดส่งออก ซึ่งประเทศคู่ค้าได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าเกษตรกรและเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ให้ไทยแล้ว จะช่วยเพิ่มแต้มต่อและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าให้กับไทยในตลาดโลก และเตรียมตัวพร้อมรับการแข่งขันทางการค้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ตัวเลขการส่งออกข้าวของไทยอยู่ที่ 1,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจาก ช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณร้อยละ 15 เป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถส่งออกได้
ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย การส่งออกข้าวของไทยเพิ่มขึ้นในหลายตลาด เช่น สหรัฐอเมริกา (ส่งออก 400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32) ฮ่องกง (ส่งออก 109 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32) สิงคโปร์ (ส่งออก 84 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 74) เป็นต้น สำหรับข้าวโพด (เมล็ดพันธุ์และข้าวโพดหวาน) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 มีตัวเลขมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 47 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณร้อยละ 11 โดยตลาดที่ไทยส่งออกเพิ่มมากขึ้น เช่น ปากีสถาน (ส่งออก 14 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20) และเมียนมา (ส่งออก 12 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 66) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มความต้องการสินค้าอาหารสูงขึ้น และประเทศต่างๆ ยังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 และไม่สามารถผลิตอาหาร ซึ่งทำให้ยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าอีกมาก