เรื่องโดย : จตุพล เกษตรก้าวไกล
ทีมงานเกษตรก้าวไกล เดินทาง “ลุยเกษตรสุดเขตไทย” โดยการสนับสนุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) วันนี้มีโอกาสไปเยือน เพียว ออร์แกนิค ฟาร์ม (pure Organic Fram) ตั้งอยู่ที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ของ หนุ่มวิศวกรไฟฟ้า จากสถาบันเทคโนโลยีพระนครเหนือ “น้องอาร์ต” นครินทร์ บุญรอด ที่ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกร ใช้เนื้อที่ของพ่อตา 15 ไร่ ปลูกผักอินทรีย์ส่งขายทั่วประเทศ ผ่านออนไลน์ ตามแบบฉบับของเกษตรกรรุ่นใหม่
“ผมตั้งใจปลูกผักเพื่อผลิตเป็นอาหาร และเครื่องดื่มสุขภาพ นำมาส่งที่ร้านอาหารของตัวเองที่เปิดจำหน่ายย่าน ถ.รามอินทรา กม. 8 นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เลี้ยงวัวนม เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงปลา แปรรูปขาย มูลของไก่และวัวยังนำมาหมักทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ใช้ภายในสวนอีกด้วย” คุณนครินทร์ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
คุณนครินทร์ บอกกับเราว่า “แรงจูงใจที่มาปลูกผักเพราะ คุณแม่เป็นมะเร็งในลำไส้ เนื่องจากบริโภคอาหารปนเปื้อนสารเคมี ผมมีความตระหนักถึงการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย จึงต้องผลิตอาหารที่ปลอดภัยส่งตลาด ไม่เฉพาะรับประทานเองในครอบครัว แรกๆ ก็เริ่มศึกษาว่าอาหารอินทรีย์ ผักออร์แกนิค เป็นอย่างไร เมื่อศึกษาดีแล้ว เราจึงปรึกษากันในครอบครัว ลงประชามติให้มาปลูกผักที่แปดริ้ว ตรงนี้” คุณนครินทร์ กล่าวและว่า ก่อนที่จะตัดสินใจมาทำภาคเกษตร เมื่อก่อนทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้า อยู่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต 10 ปี เงินเดือนสุดท้ายเกือบ 5 หมื่นบาท ในนาม เพียว ออร์แกนิค ฟาร์ม มีมาตรฐานใบรับรองจากยุโรปและจีเอพี ตามมาตรฐานสากลจริง ๆ และมีการตรวจติดตามทุกปี
วิธีการบริหารจัดการให้เป็นอินทรีย์ที่เพียวออร์แกนิค ฟาร์ม เรามีแนวป้องกัน 3 ไร่ ป้องกันในเรื่องของลม ปลูกต้นไม้ 3 ระดับ เพื่อป้องกันสารเคมีจากแปลงเพื่อนบ้าน และบล็อกน้ำจากแปลงข้างๆ จึงขุดคูคันกั้นน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำจากที่อื่นมาปนเปื้อนในสวนของเรา ต้องป้องกันทุกอย่าง นอกจากนี้เรายังมีสระน้ำภายในแปลงของเราอีก 3 บ่อ และยังขุดน้ำบาดาลลึก 100 เมตร ไว้ใช้ในแปลง เพื่อป้องกันปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อีกด้วย
“มาตรฐานออร์แกนิค เราไม่สามารถปลูกพืชเชิงเดี่ยวได้ เราต้องคงสภาพธรรมชาติ อนุรักษ์ป่าที่มีอยู่เดิมอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เป็นที่อยู่ของนกและตัวห้ำตัวเบียน และเรายังแบ่ง 1 ไร่ เป็นสิ่งปลูกสร้างออฟฟิศที่พักอาศัย แบ่งเป็นแปลงผักที่ไม่ใช่ไม้ยืนต้น 4 ไร่ แปลงนา 3 ไร่ ที่เหลือเป็นภาคปศุสัตว์ เราต้องทำปุ๋ยเองด้วย จึงต้องเลี้ยงวัวนมและไก่ไข่ สามารถให้ผลผลิตอื่นๆ ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ด้วย เช่น น้ำนม และไข่ มูลก็นำมาทำเป็นปุ๋ย โดยใช้วัตถุดิบคือฟางหมักด้วยมูลของสัตว์ ก็จะได้ปุ๋ยที่มีคุณภาพ เรื่องการทำไม่ยาก แต่เหนื่อยมาก เพราะเราต้องปรับแต่งพื้นที่ เมื่อครบวงจรแล้วเราก็ทำง่ายขึ้น
“ส่วนผักที่ปลูกแบ่งออกเป็น 5 โรงเรือน กำลังขยายเป็น 11 โรงเรือน ทำเพื่อป้องกันฝนอย่างเดียว ส่วนในการจัดการป้องกันแมลงเราจะปลูกผักสลับกันไปมา เช่นจะปลูกพืชกินผักสลับกับพืชกินผล กินหัว ทำให้แมลงรู้ไม่ทันเรา โรคแมลงไม่ใช่เป็นอุปสรรคของเรา เพราะเราจะเลี้ยงตัวห้ำตัวเบียน และปลูกดาวเรือง เพื่อเลี้ยงเต่าทองมากินหนอนในแปลงอีกด้วย ส่วนตัวด้วงและเชื่อราเราจะใช้ชีวภัณฑ์ นำสิ่งมีชีวิตไปสู่กับสิ่งมีชีวิต แม้มันไม่ทันใจเหมือนเคมี แต่ของเราปลอดภัยจากเรื่องของแมลงและศัตรูพืช ส่วนการฉีดชีวภัณฑ์ต่างๆ เราต้องฉีดตอนเย็น เพื่อป้องกันแดดเผา ต้องใช้ให้ถูกวิธี แล้วจะมีประสิทธิผล ปลอดภัยจากศัตรูพืช
คุณนครินทร์ กล่าวต่อไปว่า การปลูกผักครั้งแรกๆ จะเจอปัญหาไม่ซ้ำกัน แต่เมื่อเราเรียนรู้และต่อสู้ ก็จะชนะอุปสรรคต่างๆ เพราะงานเกษตรมีทั้งอุปสรรคและปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ หลากหลาย ทั้งฝนและลม ต้องมีความอดทน และไม่หยุดในการพัฒนา เพื่อมาปรับใช้ในพื้นที่ของเรา
“ผมทุ่มเทด้านการเกษตรมาก ถึงแม้ว่าจะจบทางวิศวกรรมมา ผมมีความสุขที่ได้เราคำชมจากลูกค้า ที่ผลิตสิ่งดีๆให้เขารับประทาน มีความภูมิใจ เป็นแรงใจที่เราจะนำมาสู้กับปัญหา” คุณนครินทร์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ในส่วนของผลผลิตหลักของฟาร์ม เป็นผักสลัด 5 ชนิด ที่บ้านชอบรับประทานผักสลัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรามีเคล็ดลับที่จะทำให้ผักกรอบและอร่อย โดยใช้ปุ๋ยที่หมักจากนม เช่น เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค คอส บัตเตอร์เฮด ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก เริ่มต้นจากการเพาะเมล็ดในจานปลูก 15 วัน จากนั้นเราก็นำมาลงแปลงปลูก ใช้เวลาประมาณ 30 วันก็จะเก็บขายได้
ส่วนการขนส่งเรามีรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิ นอกจากนี้เรายังมีแบรนด์เป็นของตัวเอง เพื่อให้ลูกค้าจดจำ เมื่อเขาจะซื้อซ้ำ จะได้เลือกซื้อง่าย
“การนำธุรกิจมาจับกับภาคเกษตร ผมให้เวลา 80 เปอร์เซ็นต์ กับเรื่องการตลาด สร้างแบรนดิ้ง วิเคราะห์จุดแข็ง จุดขาย จุดยืนในการวางจำหน่าย นอกจากนี้เรายังแปรรูปจากวัตถุดิบมาเป็นอาหารสำเร็จรูป อาหารคลีน ในแบรนด์ เพียว ออร์แกนิค ฟาร์ม ผมให้ความสำคัญกับแบรนดิ้ง เพื่อให้ลูกค้าจดจำ” คุณนครินทร์ กล่าวและว่า ในส่วนของแหล่งเงินทุน เราใช้บริการธ.ก.ส. เพราะมีความจริงใจ ให้บริการดี ดูแลเอาใจใส่ลูกค้า และดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย
เป้าหมายของฟาร์ม เรามีความภูมิใจระดับหนึ่งที่ได้สร้างเงิน สร้างงานให้ชุมชน ต่อไปเราจะพัฒนาองค์ความรู้ให้กับผู้สนใจที่จะทำเกษตร หลายๆ อย่างเราไม่สามารถเรียนรู้ได้จากอินเตอร์เน็ต เราต้องมาทำเอง พื้นฐานของประเทศไทย ต้องมีข้าวปลาอาหารไว้กิน เพราะมีความมั่นคงและยั่งยืนมากกว่าชาติอื่น
“ฝากไปถึงคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำงานเกษตร เราต้องอดทน ต่อสู้กับอุปสรรค พัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่ๆ ทำเต็มที่ อย่าล้มเลิก ขอให้กำลังใจทุกคนครับ” คุณนครินทร์ หรือ น้องอาร์ต กล่าวทิ้งท้ายได้ใจจริงๆ