กรมส่งเสริมการเกษตรเชิญชวนเกษตรกร เร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2564 เพื่อนำข้อมูลไปใช้วางแผนการผลิต การตลาด และส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรได้อย่างถูกต้องเหมาะสม พร้อมรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ เผยวางเป้าเกษตรกรด้านพืชขึ้นทะเบียน จำนวน 5.7 ล้านครัวเรือน
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำข้อมูลไปใช้วางแผนการผลิต การตลาด และส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมถึงใช้ในการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆของภาครัฐ สำหรับในปี 2564 กรมฯ ได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร เน้นหนักในการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทราบและติดตามเกษตรกรให้แจ้งข้อมูลการเกษตรอย่างถูกต้อง รวดเร็ว ครบถ้วน เพื่อเก็บข้อมูลการเพาะปลูกพืชนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเกษตร พร้อมทั้งประมวลผลข้อมูลการจัดทำสารสนเทศด้านการเกษตรในภาพรวมของประเทศที่ถูกต้อง สามารถนำข้อมูลไปเผยแพร่บูรณาการใช้ประโยชน์ได้ทั่วไปทั้งภาครัฐและเอกชน โดยวางเป้าหมายไว้จำนวน 5.7 ล้านครัวเรือน
ขณะนี้ใกล้เข้าสู่ฤดูกาลผลิต ปี 2564 พบว่า มีผู้มาปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรแล้ว จำนวน 1,037,976 ครัวเรือน 2,116,273 แปลง พื้นที่เพาะปลูก 14,792,249.55 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 18.21 (ข้อมูล ณ วันที่ 21 ม.ค. 2564) ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเกษตรกรจะได้รับการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ รวมทั้งความช่วยเหลือและสิทธิประโยชน์ตามโครงการที่หน่วยงานภาครัฐได้จัดทำขึ้น ได้แก่ โครงการประกันรายได้พืช 4 ชนิด คือ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยเงินช่วยเหลือในอัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ ก่อนในเบื้องต้น
ด้านนายสัมฤทธิ์ เทวะภูมิ ผู้อำนวยการกลุ่มทะเบียนเกษตรกร ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำหรับกรอบระยะเวลาการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร เกษตรกรสามารถแจ้งขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้หลังจากเพาะปลูกพืชไปแล้ว 15 วัน จนถึงก่อนวันเก็บเกี่ยวไม่เกิน 60 วัน และจะมีกระบวนการตรวจสอบ พื้นที่ จัดเก็บพิกัดแปลง กรณีแปลงใหม่ แต่สำหรับแปลงเดิมนั้น หลังจากรับแจ้งข้อมูลแล้ว จะใช้วิธีการปิดประกาศเป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้เกษตรกรตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนของตนเองและของเกษตรกรในชุมชน พร้อมเซ็นชื่อรับรองข้อมูลของตนเองด้วย เกษตรกรรายใหม่สามารถแจ้งขึ้นและปรับปรุงข้อมูลได้ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก ในส่วนของเกษตรกรรายเดิมสามารถปรับปรุงข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่งหรือปรับปรุงผ่านแอปพลิเคชัน Farmbook ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้ทำการปรับปรุงแอปพลิเคชัน Farmbook ให้สามารถตรวจสอบผลการรับเงินจากการเข้าร่วมโครงการของภาครัฐ เช่น โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 โครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย และมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ จากภาครัฐ ให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบการรับเงินได้ภายในแอปพลิเคชัน Farmbook โดยการเข้าสู่ระบบ จากนั้นเลือกหัวข้อ “ติดตามสิทธิ์” แล้วเลือกชื่อโครงการที่ต้องการตรวจสอบ
“ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำว่าหากเกษตรกรปลูกข้าวหรือพืชอื่นแล้ว ให้เร่งมาปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน เพื่อสิทธิประโยชน์ของตัวเกษตรกรเอง ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัด และสำนักงานเกษตรอำเภอติดตามการดำเนินงาน พร้อมทั้งกำชับ เร่งรัดให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามคู่มือการขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรอย่างเคร่งครัด ให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม จึงขอเชิญชวนให้เกษตรกรมาปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรโดยด่วน สำหรับเกษตรกรรายใหม่หรือแปลงใหม่ในการเพาะปลูก ให้สอบถามทางโทรศัพท์ไปยังสำนักงานเกษตรหรือผู้นำชุมชนถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว