เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564 ณ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง จัดโครงการ “คืน คง เพิ่ม เติมสัตว์น้ำบริเวณแหล่งก่อเกิดทรัพยากรประมง” ประเดิมปล่อยลูกพันธุ์ปูทะเลจำนวนกว่า 3 แสนตัว เร่งฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศป่าชายเลน เพื่อคงความยั่งยืนให้กับทรัพยากรสัตว์น้ำ พร้อมเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้กับเกษตรกรชาวประมงในพื้นที่ โดยในโอกาสนี้ นายสืบยศ ใบแย้ม คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้เกียรติเป็นประธานในการเปิดกิจกรรมและปล่อยลูกพันธุ์ปูทะเล อีกทั้งยังมี นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาร่วมเป็นเกียรติ ท่ามกลางตัวแทนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและเกษตรกรชาวประมงมาร่วมงานกันคึกคัก
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า “ปูทะเล” นับเป็นทรัพยากรสัตว์น้ำที่มีความสำคัญและมีคุณค่าทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ด้วยรสชาติที่ดีและยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง จึงทำให้ความต้องการปูทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัจจุบันกลับพบว่าปริมาณปูทะเลในธรรมชาติมีแนวโน้มลดลง อันเป็นผลมาจากระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลงไป และการทำการประมงที่เกินกำลังการผลิต จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูเพื่อเพิ่มปริมาณทรัพยากรปูทะเลให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งเน้นให้มีการฟื้นฟูทรัพยากรประมง และเร่งสร้างแหล่งทรัพยากรสัตว์น้ำในพื้นที่ชุมชนประมงต่าง ๆ ทั่วประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน พร้อมลดอุปสรรคและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวประมง
การจัดโครงการ “คืน คง เพิ่ม เติม สัตว์น้ำบริเวณแหล่งก่อเกิดทรัพยากรประมง” ณ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศชายเลนสิรินาถราชินี ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อปล่อยพันธุ์ปูทะเลจำนวนกว่า 3 แสนตัว ในครั้งนี้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำในระบบนิเวศป่าชายเลนให้กลับคืนความอุดมสมบูรณ์อีกครั้งได้เป็นอย่างดี เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวจัดเป็นแหล่งวางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน ที่มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจะส่งผลให้ลูกพันธุ์ปูทะเลที่ปล่อยไปนั้นสามารถเจริญเติบโตกลายเป็นพ่อแม่พันธุ์และเพิ่มผลผลิตทรัพยากรปูทะเลต่อไป
ทั้งนี้ ภายในงานยังได้มีการจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ปูทะเลเศรษฐกิจชนิดต่าง ๆ อาทิเช่น ปูทะเล ปูม้า และปูแสม นิทรรศการธนาคารปูม้าของกลุ่มเกษตรกรบ้านปากน้ำปราณ และนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการมอบหนังสือรับรองมาตรฐานการทำประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืนให้แก่ชาวประมง จำนวน 11 ราย และมอบเงินอุดหนุนโครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนให้แก่องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นด้านชายฝั่งในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกจำนวน 24 กลุ่มด้วย
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปูทะเลที่พบในน่านน้ำไทยมี 4 ชนิด คือ ปูดำหรือปูแดง (Scylla olivacea) ปูเขียวหรือปูทองโหลง (Scylla serrata) ปูม่วง (Scylla tranquebarica) และ ปูขาวหรือปูทองหลาง (Scylla paramamosain) ซึ่งชนิดที่นิยมนำมาเพาะเลี้ยงคือ ปูขาวหรือปูทองหลาง ซึ่งกรมประมงดำเนินการทดลองเพาะพันธุ์ครั้งแรกในปี 2522 และได้เริ่มดำเนินการเพาะพันธุ์จนประสบความสำเร็จอีกครั้งในปี 2538 พร้อมได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกองวิจัยพัฒนาสัตว์น้ำชายฝั่งดำเนินการผลิตเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเรื่อยมา นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายลูกพันธุ์ปูทะเลให้เกษตรกรได้นำไปเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์อีกด้วย
“เชื่อมั่นว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรปูทะเลในธรรมชาติเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และคืนความอุดมสมบูรณ์กลับมาในระยะยาวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถเพิ่มรายได้และทำให้เกษตรกรชาวประมงมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพที่ยั่งยืนต่อไป” รองอธิบดีกรมประมงกล่าว
อนึ่ง “เกษตรก้าวไกล” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายมานพ หนูสอน ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายเจือ แคใหญ่ ประธานธนาคารปูม้าของกลุ่มเกษตรกรบ้านปากน้ำปราณ ได้รับข้อมูลว่าปูตัวหนึ่งที่ปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาตินั้นจะสามารถออกไข่เฉลี่ยตัวละ 500,000-800,000 ฟอง แต่ได้ใช้กลยุทธ์ว่าปล่อย 1 ตัว ได้ปูคืนมา 1 ล้านตัว ซึ่งในความเป็นจริงปูที่ปล่อยไปไม่ได้รอดทุกตัว ตามหลักวิชาการจะมีอัตรารอด 10% แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว แค่รอดสัก 1 % ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว หลังจากนั้นเราได้เดินทางไปที่ธนาคารปูม้าปากน้ำปราณ โดยนายเจือ แคใหญ่ เปิดเผยว่าได้เปิดธนาคารรับฝากปูม้าที่มีไข่หน้าท้อง(ไข่นอกกระดอง) จากเพื่อนชาวประมง พอออกไข่เป็นตัวระยะ “ซูเอี้ย” ก็จะปล่อยกลับคืนสู่ปากน้ำปราณเพื่อเจริญเติบโตต่อไป ตั้งแต่มีธนาคารปูม้ามาทำให้มีปูม้าจับได้ตลอดปีมากบ้างน้อยบ้าง แต่ถือว่าเป็นที่น่าพอใจมากและชาวประมงทุกคนให้ความร่วมมือดีมาก
(ข้อมูลธนาคารปูม้าปากน้ำปราณ ชมจาก LIVE สด https://fb.watch/42SFULnEAZ/)
นอกจากนี้ ยังได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากนายอาคม สิงหบุญ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็น 1 ในศูนย์วิจัยที่นำลูกปูขาวมาร่วมสมทบเพื่อการปล่อยในครั้งนี้เปิดเผยว่าปูทะเที่ปล่อยวันนี้เป็นขนาดอายุ 45 วัน มีอัตรารอดประมาณ 40% โดยถือว่ากรมประมงได้ทำการเพาะขยายพันธุ์ปูทะเลชนิดที่เรียกว่าปูขาวเป็นผลสำเร็จมาได้ 3-4 ปีแล้ว และได้สนับสนุนลูกพันธุ์ไปให้เกษตรกรได้เลี้ยง จนกลายเป็นอาชีพที่มีรายได้ เช่น ปูขาวตัวผู้ใช้เวลาเลี้ยง 6 เดือน ขนาดน้ำหนักตัวละครึ่งกิโลขึ้นไป จะขายได้กิโลกรัมละ 500 บาท
(ข้อมูลเพิ่มเติมการเลี้ยงปูขาวโดยนายอาคม คลิก https://fb.watch/42SMOmVNzR/)