นางสาวศิริวรรณ นาคมุข นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเกษตรอำเภอสวี เปิดเผยว่าจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดสวี ในพื้นที่ตำบลทุ่งระยะ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ได้รับผลกระทบในด้านการตลาดไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตได้ ด้วยสาเหตุหลักๆ ดังนี้
1.ตลาดส่วนใหญ่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว เช่น จังหวัดภูเก็ต กระบี่ ระนอง ฯลฯ ซึ่งจังหวัดเหล่านี้มีการประกาศระเบียบการเดินทางข้ามจังหวัด ทำให้นักท่องเที่ยวน้อย
2.ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ของทุกปี เป็นช่วงฤดูกาลที่ผลผลิตสับปะรดออกค่อนข้างมาก ทำให้มีสับปะรดที่รอจำหน่ายจำนวนมาก
3.ตลาดไทยในจังหวัดชุมพรค่อนข้างเงียบ เนื่องจากเกษตรกรส่งแผงร้านค้าริมทางถนนเพชรเกษม มีผู้คนหรือนักท่องเที่ยวเดินทางจำนวนน้อยและส่วนใหญ่ไม่แวะซื้อของฝากผลไม้ริมทางเพราะกลัวโควิด
จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลของสำนักงานเกษตรอำเภอสวี พบว่าสับปะรดสวีที่มีช่วงเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2564 ถึง 20 พฤษภาคม 2564 มีประมาณ 20,000 ผล (30 ตัน) โดยมีรายละเอียดการขายหน้าแปลง ดังนี้
สับปะรดผลขนาดจิ๋ว น้ำหนัก 0.5-0.9 กิโลกรัม ราคา 6 บาท ขนาดเล็กน้ำหนัก 1.0-1.4 กิโลกรัม ราคา 10 บาท ซึ่งสับปะรดจำนวน 2 ขนาดนี้คิดเป็นผลผลิตประมาณ 10 % ผลขนาดกลาง 1.5-1.7 กิโลกรัม ราคา 15 บาท มีประมาณ 20 % ผลขนาดใหญ่ 1.8-2.0 กิโลกรัม ราคา 20 บาท และขนาดจัมโบ้ 2.1 กิโลกรัมขึ้นไป ราคา 23 บาท ผลผลิต 2 ขนาดนี้ผลิตได้มากที่สุดประมาณ 70 %
“ผู้สนใจ สั่งซื้อได้จากเฟสบุ๊ค สับปะรดสวี จังหวัดชุมพร หรือ ติดต่อ นายเชาวลิต ถึงเสียบญวน ประธานกลุ่ม วสช.สับปะรดสวีตำบลทุ่งระยะ 0899948412 อย่าลืมมาช่วยกันอุดหนุนสินค้าจากเกษตรกรไทย เกษตรกรอยู่ได้ประเทศอยู่รอดครับ” นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร กล่าว
อนึ่ง สับปะรดสวี เป็นพันธุ์สับปะรดจากเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย โดยพระยาจรูญโภคากร อดีตเจ้าเมืองหลังสวน นำ เข้ามาปลูกครั้งแรกปลูกในพื้นที่อำเภอหลังสวน เมื่อ 100 ปีที่แล้ว ซึ่งชาวบ้านเรียกชื่อว่า สับปะรดฝรั่ง ต่อมาภายหลังมีการปลูกแพร่หลายในพื้นที่อำเภอสวี จนเป็นที่นิยมและเรียกกันต่อมาว่า “สับปะรดสวี” ซึ่งมีลักษณะผลเล็กทรงกระบอก น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม มีจุดเด่นตรงจุกตั้งยาวขึ้น ผลสุกมีเนื้อเหลือง กลิ่นหอม และรสหวานกรอบ แกนกินได้