พรหมชีวาจับมือกลุ่มวิสาหกิจคนรักษ์พืชสมุนไพร พัฒนาพืชเศรษฐกิจครบวงจร
พรหมชีวาจับเข่าคุยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนคนรักษ์พืชสมุนไพร รื้อฟื้นอีสานเขียวภาค 2 พัฒนาพืชเศรษฐกิจครบวงจร-ข้าวกข.43 โกโก้ กัญชา กัญชง กระท่อม กระทุ่ม

เมื่อวันที่ ​9 ธันวาคม​ 2564​ ​ณ ​วัดสระบัวเกลื่อน​ ต.บ้านเกาะ​  อ.เมือง​  จ.นครราชสีมา ดร.สุขุม วงประสิทธิ ประธานกรรมการ บริษัทพรหมชีวา จำกัด และ นางเตือนใจ วงประสิทธิ ภรรยา ร่วมประชุมร่วมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน​คนรักษ์พืชสมุนไพร​ นำโดย นายประเสริฐ ป้ำกระโทก ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนคนรักษ์พืชสมุนไพร ตั้งอยู่ที่ 166 หมู่ที่ 10  ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย  จ.นครราชสีมา เพื่อพัฒนาพืชเศรษฐกิจกระท่อมครบวงจร​ ตั้งแต่ต้นน้ำ​ กลางน้ำ​ ปลายน้ำ​  เริ่มตั้งแต่ 1.การเพาะต้นกล้า 2.การต่อยอดกระทุ่มเป็นกระท่อม 3.การดูแล​บำรุงรักษา 4.การส่งออกวัตถุดิบ 5.การแปรรูป 6.การพัฒนาผลิตภัณฑ์ 7.การสนับสนุนแหล่งเงินทุน 8.การทำการตลาด เพื่อพัฒนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนคนรักษ์สมุนไพร ให้พัฒนาต่อยอดร่วมธุรกิจกับบริษัทพรหมชีวา จำกัด เหมือนกับเป็นการฟื้นโครงการอีสานเขียวภาค 2

ดร.สุขุม วงประสิทธิ ประธานกรรมการบริษัทพรหมชีวา กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนคนรักษ์พืชสมุนไพร ได้บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือโครงการสินค้าเกษตรเศรษฐกิจใหม่ 6ก กับบริษัทพรหมชีวา จำกัด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ณ บริษัทพรหม ชีวา จำกัด ตั้งอยู่ที่ ต.บางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนคนรักษ์พืชสมุนไพร เป็นองค์กรที่เข้ามาดูแลเกษตรกรที่เป็นสมาชิก เพื่อส่งเสริม สนับสนุน เพาะปลูก การแปรรูปและจำหน่ายสินค้าเกษตรเศรษฐกิจใหม่ 6ก ประกอบด้วย ข้าวกข.43 โกโก้ กัญชา กัญชง กระท่อม และกระทุ่ม

“ทั้งบริษัทพรหมชีวาและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จะร่วมกันประสานธนาคาร สถาบันการเงิน จัดหาแหล่งเงินทุนสนับสนุนโครงการ ดำเนินการจัดหาเมล็ดพันธุ์ ต้นกล้าที่ใช้ในการเพาะปลูก โดยตั้งเป็นคณะกรรมการร่วมกัน ทำงานร่วมกัน มีตัวแทนจากทั้งสองฝ่ายจำนวนเท่าๆ กัน นอกจากนี้บริษัทพรหมชีวา ยังใช้เทคโนโลยีการเกษตรแบบก้าวหน้าและนวัตกรรมการตลาดมาใช้ในโครงการ พร้อมใช้แพลตฟอร์มขายของออนไลน์(E-commerce Platforms)ผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตและขายหน้าร้านโดยผ่านศูนย์จำหน่ายสินค้าอีกด้วย” ดร.สุขุมกล่าว

ประธานกรรมการบริษัทพรหมชีวา กล่าวต่อไปว่า บริษัทพรหมชีวา จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม (social enterprise)และสนับสนุนกิจกรรมของทางราชการ มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับชาวนาไทย 15 ล้านครอบครัวให้เป็นสมาร์ท ฟาร์มเมอร์ สู่การประกอบกิจการวิสาหกิจชุมชนให้เป็นธุรกิจเพื่อสังคมแบบยั่งยืน หรือ social enterprise ซึ่งบริษัท พรหมชีวา จำกัด ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(Mou)กับสมาคมชาวนาไทยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2564 และต่อมาได้ลงบันทึกความร่วมมือกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่ข้าวไผ่หูช้าง2 เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2564 และต่อมาได้ลงนามบันทึกความร่วมมือสามฝ่ายไตรภาคี ประกอบด้วยบริษัทพรหมชีวา จำกัด กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่ข้าวไผ่หูช้าง2 และบริษัทคำ-วี การเกษตร จำกัด ในวันที่ 12 พ.ย. 2564 ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดัน ที่จะยกระดับเกษตรกรชาวนาสู่ smart farmer สู่การประกอบกิจการวิสาหกิจชุมชนให้เป็นธุรกิจเพื่อสังคมแบบยั่งยืน หรือ social enterprise อย่างแท้จริง

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated