ธ.ก.ส. หนุนสินเชื่อเกษตรแปลงใหญ่ดอกเบี้ย 0.01 ต่อปี ได้แล้ว 366 กลุ่ม กว่า 2 พันล้าน
ธ.ก.ส. หนุนสินเชื่อเกษตรแปลงใหญ่ดอกเบี้ย 0.01 ต่อปี ได้แล้ว 366 กลุ่ม กว่า 2 พันล้าน

ธ.ก.ส.เผยผลการสนับสนุนสินเชื่อพัฒนาการเกษตรแปลงใหญ่ ดอกเบี้ย 0.01 % หรือล้านละร้อย ในการเพิ่มศักยภาพการผลิต การลดต้นทุน การแปรรูปเพิ่มมูลค่า การรวบรวมผลผลิต เพื่อสร้างรายได้และขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้กับกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตร ตามนโยบายรัฐบาลไปแล้วจำนวน 366 กลุ่ม วงเงินกว่า 2 พันล้าน

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยระหว่างเดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2559 และวันที่ 11 มกราคม 2565 ให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแปลงใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มและจัดหาปัจจัยการผลิตร่วมกัน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทั้งการผลิต การแปรรูป การรวบรวมผลผลิตเพื่อจำหน่าย โดยสนับสนุนเงินทุนให้แก่กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตร เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ค่าลงทุน วงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยทั้งโครงการ 3.01 ต่อปี โดยกลุ่มเกษตรกรฯจ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.01 ต่อปี หรือ ล้านละร้อย ทั้งนี้รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส.แทนเกษตรกร ร้อยละ 2.875 ต่อปี และธ.ก.ส.รับภาระดอกเบี้ยเองร้อยละ 0.125 ต่อปี ระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีนับตั้งแต่วันกู้ เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2559 ถึง 30  มิถุนายน 2575 ปัจจุบันปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเกษตรกรฯไปแล้ว 366 กลุ่ม เป็นเงิน 2,104.70 ล้านบาท ในส่วนของพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 7 กลุ่ม เป็นเงิน 8.14 ล้านบาท

สำหรับหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแปลงใหญ่ ต้องเป็นสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร ที่รวมตัวกันตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป และมีพื้นที่การผลิต ทั้งประเภท พืชไร่ ยางพารา ข้าว ปาล์ม ไม้ผล พืชผัก ไม้ดอก ประมงและปศุสัตว์ รวมกันตั้งแต่ 300 ไร่ขึ้นไป ในส่วนของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตดอกเบญจมาศแปลงใหญ่บ้านตาติด ตำบลในเมือง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นตัวอย่างการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาการเกษตรแปลงใหญ่ที่สามารถลดต้นทุนการผลิต เช่น การซื้อปุ๋ย ยา กระดาษในการห่อดอกเบญจมาศ รวมถึงการขยายองค์ความรู้ในการผลิตต้นพันธุ์เอง ช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับสมาชิกกว่า 43 ราย ที่สำคัญทำให้กลุ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ค้าและผู้ซื้อทั่วประเทศและเป็นศูนย์กลางในการจำหน่ายดอกเบญจมาศในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างทั้งหมด

หากกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ฯที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปหรือ Call Center 02 555 0555   

       

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated