ข่าวดี! อียูไฟเขียววิธีกำจัดแมลงวันผลไม้ของไทย พืช 5 ชนิดได้ไปต่อ
ข่าวดี! อียูไฟเขียววิธีกำจัดแมลงวันผลไม้ของไทย พืช 5 ชนิดได้ไปต่อ

กรมวิชาการเกษตร แจกข่าวดีรับสงกรานต์ สหภาพยุโรปยอมรับข้อเสนอวิธีกำจัดแมลงวันผลไม้ พริก มะเขือ มะละกอ ฝรั่ง และน้อยหน่า ของไทย หลังแจ้งปรับกฎระเบียบนำเข้าใหม่ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรลุ้นอนุมัติทันประกาศใช้กฎใหม่ 11 เม.ย.65 เตรียมร่อนหนังสือขอบคุณคณะกรรมาธิการยุโรปฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ช่วยดันส่งออก 5 พืชไทยไม่สะดุด

นายระพีภัทร์จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่สหภาพยุโรปมีการปรับกฎระเบียบ Regulation (EU) 2019/2072 ใหม่ กำหนดให้มีผลบังคับใช้วันที่ 11 เมษายน 2565 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกพืช 5 ชนิดจากประเทศไทยได้แก่ พริก มะเขือ มะละกอ ฝรั่ง และน้อยหน่า จากเดิมที่เน้นการตรวจศัตรูพืชที่แปลงผลิต โรงคัดบรรจุ และหน้าด่านตรวจพืชก่อนการส่งออก แต่กฎระเบียบใหม่กำหนดให้ประเทศไทยหรือทุกประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกของสหภาพยุโรปและมีรายงานการแพร่ระบาดของแมลงวันผลไม้ในสกุล Bactrocera ชนิดที่สหภาพยุโรปกำหนดจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ที่ประกาศใช้ดังกล่าว

กรมวิชาการเกษตรได้จัดประชุมหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมอบหมายกลุ่มวิจัยการกักกันพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช รีบจัดทำข้อมูลเสนอให้คณะกรรมาธิการยุโรปด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยอาหาร (DG SANTE) พิจารณาพร้อมเร่งประสานกับสหภาพยุโรป โดยวิธีการที่ประเทศไทยเลือกคือ พืช 4 ชนิดได้แก่ พริก มะเขือน้อยหน่า และฝรั่ง เสนอใช้วิธีการ Systems approach for pest risk management of fruit flies (Tephritidae) โดยบริหารจัดการตั้งแต่ในสวน การขนส่งจากแปลงไปโรงคัดบรรจุ และการบริหารจัดการในโรงคัดบรรจุ รวมทั้งการรับรองสุขอนามัยพืชก่อนการส่งอออก ส่วนมะละกอ เสนอใช้วิธีการเก็บเกี่ยวที่ระยะเวลา 90-120 วัน หลังดอกบาน และมะละกอสุกจะต้องผ่านการแช่น้ำร้อนหรือผ่านการอบไอน้ำปรับสภาพความชื้นสัมพัทธ์ก่อนการส่งออก

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้ลงนามในหนังสือแจ้งให้ DG SANTE พิจารณาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 ได้มีการประสานงานกับสำนักที่ปรึกษาการเกษตรประจำกรุงบรัสเซลส์มาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันต่อระยะเวลาที่กฎระเบียบของอียูจะมีผลบังคับใช้ โดยได้รับแจ้งข่าวดีในวันที่ 11 เมษายน 2565 ว่าสหภาพยุโรปรับพิจารณาข้อมูลของประเทศไทยแล้ว ส่งผลให้เกษตรกร ผู้ส่งออก สามารถส่งออกพืชทั้ง 5 ชนิดได้อย่างต่อเนื่องภายใต้เงื่อนไขที่กรมวิชาการเกษตรกำหนด และขอขอบคุณ DG SANTE ที่พิจารณาข้อมูลจากประเทศไทยอย่างรวดเร็ว รวมทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ประเทศไทยจะต้องดำเนินการส่งออกพืชทั้ง 5 ชนิด ให้เป็นไปตามแนวทางที่ได้เสนอไว้ตามมาตรฐานสากลด้านกักกันพืชและสอดคล้องกับระเบียบของประเทศปลายทางผู้นำเข้า โดยในปี 2564 ที่ผ่านมามีการส่งออกพืชทั้ง 5 ชนิดไปสหภาพยุโรปปริมาณ 620 ตัน คิดเป็นมูลค่า 23.25 ล้านบาท

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated