นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ผลไม้นับเป็นสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศไทย ช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ซึ่งประเทศไทยถือเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกผลไม้เมืองร้อนที่สำคัญและมีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน มีมูลค่าการส่งออกผลไม้ ในปี 2564 รวม 181,516 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ประกอบกับฤดูกาลผลไม้ของภาคใต้ ปี 2565 กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้กำหนดจัดนิทรรศการแสดงพืชสวนไทย (หมุนเวียน) ครั้งที่ 5 ในหัวข้อ “Everlasting Fruits” ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 4 กันยายน 2565 ณ อาคาร Thailand Pavilion ภายในงาน The International Horticultural Expo (EXPO 2022 Floriade Almere) เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับรสชาติ รูปลักษณ์ และคุณค่าทางอาหารของผลไม้ไทย รวมทั้งวิธีการรับประทานที่ถูกต้อง และการส่งเสริมด้านการตลาดสำหรับผลไม้แปรรูป โดยเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวที่เข้าชมอาคาร Thailand Pavilion ในช่วงเวลาดังกล่าวได้ทดลองชิมผลไม้คุณภาพของภาคใต้ ผ่านการปลูกแบบอินทรีย์ ทั้งแบบผลสดและแปรรูป เช่น ทุเรียนสด ทุเรียนกวน ทุเรียนฟรีซดราย ขนุนสด ขนุนฟรีซดราย สละ กล้วยสด และกล้วยตาก ร่วมกับผลไม้ที่มีศักยภาพในตลาดต่างประเทศ เช่น มะพร้าวน้ำหอม มะขามแกะเมล็ด และกาแฟ GI 6 ชนิด ไปจัดแสดง สาธิต และให้ทดลองชิมสินค้า
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า ตลาดสหภาพยุโรปมีความต้องการผลไม้ที่เป็น Product Champion ของไทยหลายชนิด เช่น ทุเรียน มังคุด มะขามหวาน ขนุน ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วงน้ำดอกไม้ โดยเฉพาะสินค้าแปรรูปแบบฟรีซดราย (Freeze Dried) ได้รับความนิยมมาก จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีกลุ่มผู้บริโภคที่มีความคุ้นเคยกับสินค้าผลไม้ไทยอยู่บ้างแล้ว เช่น กลุ่มคนเชื้อสายอินโดนีเซีย และจีน รวมถึงชาวดัตช์ หรือชาวเนเธอร์แลนด์ที่เคยเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย จะชื่นชอบมังคุด เงาะ ฝรั่ง และมะม่วงน้ำดอกไม้ แต่ก็พบว่า ผลไม้ไทยมีข้อจำกัดบางประการในการนำเข้าไปจำหน่ายในตลาดสหภาพยุโรป เช่น ราคาค่าขนส่งสูงเนื่องจากระยะทางขนส่งไกล ขาดการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้ผลผลิตเสียหายระหว่างการขนส่ง และขาดการแนะนำวิธีการเก็บรักษาที่ถูกต้อง หรือช่วงเวลาที่เหมาะสมในการบริโภค เนื่องจากต้องเก็บเกี่ยวก่อนที่ผลไม้จะสุก เพื่อให้ขนส่งไปถึงปลายทางได้ทัน เช่น กรณีมะม่วงน้ำดอกไม้ ถึงแม้จะมีลักษณะสีสันที่สวยงาม แต่ยังไม่สามารถบริโภคได้ทันที จะต้องรอสักระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นกรมส่งเสริมการเกษตรจึงจำเป็นต้องจัดกิจกรรมเพื่อแนะนำวิธีการบริโภคที่ถูกต้องให้ผู้บริโภคชาวต่างชาติได้รับทราบ ซึ่งกิจกรรมนิทรรศการแสดงพืชสวนไทยดังกล่าว คาดหวังว่าจะสามารถช่วยสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปให้เป็นที่รู้จักของชาวยุโรปมากขึ้น และสามารถเปิดตลาดเพิ่มเติมได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์แปรรูปมีข้อดีตรงที่สามารถแก้ไขข้อจำกัดของผลไม้สดได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ข้อมูลของกรมศุลกากร ระบุว่า ในปี 2564 (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มกราคม 2565) ภาพรวมการส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ 9 ชนิด ทั่วโลก ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง กล้วย และมะพร้าวอ่อน พบว่า ผลสด มีปริมาณการส่งออกรวม 2,168,278 ตัน มูลค่ารวม 159,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.85 ตัน มูลค่า 30.36 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2563 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์แปรรูป มีปริมาณการส่งออก 265,895 ตัน มูลค่า 22,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.70 ตัน มูลค่า 4.82 ล้านบาท สำหรับประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศไทยมีการส่งออกผลไม้สด มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ประกอบไปด้วยไม้ผลที่เป็นที่นิยม ได้แก่ มะขามสด แอปเปิ้ล มะพร้าว ขนุน ลิ้นจี่ ฝรั่ง มะม่วง มังคุด ทุเรียน ลูกพลัม ละมุด เสาวรส มะเฟือง และสับปะรด ตามลำดับ
ทั้งนี้ งาน The International Horticultural Expo (EXPO 2022 Floriade Almere) จะจัดไปจนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2565 ผู้สนใจสามารถเข้าชมความงามของอาคาร Thailand Pavilion และนิทรรศการแสดงศักยภาพด้านพืชสวนของไทยได้ หรือผ่านทางเว็บไซต์ www.thailandfloriade2022.com