กรมส่งเสริมการเกษตร จัดสัมมนาเจ้าหน้าที่โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ เพื่อลงพื้นที่ดูแลเกษตรกรทั่วประเทศ มุ่งลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และช่องทางการตลาด หลังดำเนินงานมากว่า 6 ปี สร้างเม็ดเงินให้เกษตรกรกว่า 7 หมื่นล้านบาท
นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดสัมมนาโครงการพัฒนาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 26 – 28 กุมภาพันธ์ 2566 ที่จังหวัดนครนายก ว่า การเพิ่มทักษะและองค์ความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องไปขับเคลื่อนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ให้ประสบผลสำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับกลุ่มเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพิ่มผลิต ลดต้นทุนการผลิต มีความรู้ด้านเทคโนโลยี เพิ่มช่องทางการตลาด และบริหารจัดการสินค้าได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ การส่งเสริมและสนับสนุนงานแปลงใหญ่ของเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังต้องให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางการดำเนินงาน ผลักดันให้เกษตรกรรวมกลุ่มการผลิต เพื่อร่วมกันจัดหาปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพดี ราคาถูก อาทิ พันธุ์พืช เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือเกษตรกรหากเกิดปัญหาการดำเนินงาน
“ดังนั้นการติดอาวุธทางปัญญาให้กับเจ้าหน้าที่ด้วยการสัมมนา จึงจำเป็นมากในการดำเนินงานเกษตรแบบแปลงใหญ่ ดังนั้นจึงขอเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำหน้าที่เพื่อเกษตรกรอย่างเต็มที่” นายนวนิตย์ กล่าว
การสัมมนาครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมรวม 200 คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานแปลงใหญ่ เขตที่ 1 – 6 เขตละ 1 คน เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานแปลงใหญ่จากสำนักงานเกษตรจังหวัด 77 จังหวัดๆ ละ 2 คน รวมทั้งผู้รับผิดชอบงานแปลงใหญ่ของสำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร ตลอดจนผู้จัดและวิทยากร 40 คน โดยรูปแบบการสัมมนา มีการอภิปรายให้ความรู้ในหัวข้อต่าง ๆ และแบ่งกลุ่มเพื่อรับฟัง สร้างความเข้าใจและวิเคราะห์ปัญหา พร้อมหาแนวทางแก้ไข โดยคาดว่าเมื่อจบการสัมมนาผู้เข้าอบรมทั้งหมดจะสามารถปฏิบัติงานในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มโอกาสการแข่งขันสินค้าและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี
สำหรับงานระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน มีแปลงใหญ่ทั้งสิ้น 9,888 แปลง เกษตรกร 522,707 ราย พื้นที่ 8.37 ล้านไร่ มีระบบการตลาดที่มั่นคง โดยการดำเนินงานสะสม 6 ปี พบว่ามีมูลค่าเพิ่มจากการลดต้นทุนการผลิต 31,145.73 ล้านบาท และการเพิ่มผลผลิต 40,429.37 ล้านบาท รวม 71,575.10 ล้านบาท โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ต้องมีพื้นที่อยู่ชุมชนใกล้เคียงกัน พื้นที่ไม่น้อยกว่า 300 ไร่ เกษตรกรไม่น้อยกว่า 30 ราย เช่น เกษตรกรที่ปลูกข้าว พืชไร่ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ ปศุสัตว์ แมลงเศรษฐกิจ ประมง และพืชอื่นๆ