นายสุรเดช สมิเปรม รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจากนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อติดตามการควบคุมคุณภาพทุเรียนผลสดสำหรับส่งออกและบริโภคในประเทศ ซึ่งในช่วงเช้าได้เข้าร่วมประชุม “ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุผลไม้ภาคตะวันออก ฤดูกาลผลิต ปี 2566” ณ ห้องประชุมบุษราคัม องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี จ.จันทบุรี โดยมี นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานร่วม จัดโดย สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 กรมวิชาการเกษตร เพื่อสร้างการรับรู้และชี้แจงแนวทางการดำเนินการต่าง ๆ ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลผลิตผลไม้ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก โอกาสนี้ รองปลัดฯ ได้หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ในประเด็นปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานในพื้นที่อีกด้วย
รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญในด้านคุณภาพของผลผลิต โดยเฉพาะนโยบายการผลิตทุเรียนคุณภาพเพื่อส่งออก สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้า โดยในช่วงฤดูผลผลิตทุเรียนภาคตะวันออกที่จะเริ่มออกสู่ตลาดมากตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป กระทรวงเกษตรฯ ได้ประชุมเตรียมความพร้อมรับมือ โดยบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่เป็นสารวัตรตรวจสอบคุณภาพทุเรียนในโรงคัดบรรจุผลไม้ในพื้นที่จันทบุรี ระยอง ตราด พร้อมกันนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยินดีที่จะอำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรและภาคเอกชน เพื่อให้คุณภาพของผลผลิตทุเรียนที่จะส่งออกมีคุณภาพได้มาตรฐาน
รองปลัดฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้ติดตามการปฏิบัติงานตามขั้นตอนมาตรการควบคุมคุณภาพทุเรียน ตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจก่อนตัด – หลังตัด และการตั้งด่านคัดกรอง และจะรายงานต่อปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อรับทราบต่อไป
สำหรับการควบคุมคุณภาพทุเรียนสำหรับส่งออกและบริโภคภายในประเทศ ของจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราดนั้น ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นตามประกาศจังหวัด โดยมีขั้นตอน ดังนี้ 1. การควบคุมคุณภาพที่แหล่งผลิต (สวน) โดยการตรวจ GAP ที่แปลงปลูก การตรวจก่อนตัดโดยเกษตรกรต้องนำตัวอย่างทุเรียนจากแปลงที่จะเก็บเกี่ยวมาที่จุดบริการตรวจก่อนตัด ซึ่งมีให้บริการทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ณ จุดที่จังหวัดกำหนด ก่อนการเก็บเกี่ยว 3 วัน เพื่อตรวจหาเปอร์เซ็นน้ำหนักแห้งของเนื้อทุเรียน 2. การควบคุมคุณภาพผลผลิตที่ตลาดส่งออก (โรงคัดบรรจุ) โดยสุ่มตรวจผลผลิตทุเรียน ณ โรงคัดบรรจุผลไม้ และออกใบรับรองความอ่อนแก่ของทุเรียนเพื่อยืนยันคุณภาพของผลผลิตทุเรียนที่จะ ส่งออกและใช้เป็นเอกสารประกอบสําหรับให้นายด่านพืชพิจารณาก่อนปิดตู้ส่งออก นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้ประกอบการมาขึ้นทะเบียนมือตัดและอบรมมือตัด เพื่อควบคุมคุณภาพทุเรียน และ 3. การเพิ่มความเข้มข้นโดยตั้งด่านตรวจคัดกรองเอกสารแหล่งผลิตทุเรียน มือตัด และล้งที่จะนำส่ง ก่อนส่งต่อไปยังตลาดต่างประเทศและในประเทศ
ทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด มีการปลูกไม้ผลส่งออกที่สําคัญ 3 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด และลำไย พื้นที่รวมกว่า 7 แสนไร่ คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีผลผลิตส่งออกประมาณ 1.3 ล้านตัน ทำรายได้เข้าประเทศเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ในส่วนของลำไยอยู่ในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ส่วนทุเรียนและมังคุด ผลผลิตจะออกสู่ตลาดตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ และมากที่สุดในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน โดยผลผลิตเกือบทั้งหมดจะส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นตลาดหลัก ปัจจุบันมีโรงงานผลิตสินค้าพืชหรือโรงคัดบรรจุผลไม้ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร รวมทั้งสิ้น 1,932 โรง อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก 768 โรง ตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรี 698 โรง
สำหรับภารกิจการลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายชนวัฒน์ สิทธิธูรณ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดจันทบุรี นายยิ่งยศ พันธุ์เอี่ยม เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราด หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง โอกาสนี้ได้ติดตามขั้นตอนการดำเนินมาตรการตรวจก่อนตัด โดยการสุ่มตรวจผลผลิต การตรวจเปอร์เซ็นต์น้ําหนักแห้งในเนื้อทุเรียน ณ โรงคัดบรรจุผลไม้เจ๊แหม่ม (ล้ง) และจุดบริการตรวจก่อนตัด ณ สำนักงานเกษตรอำเภอขลุง จ.จันทบุรี ตลอดจนพบปะผู้เข้าร่วมอบรมโครงการฝึกอบรมแรงงานเทคนิคการตัดและคัดแยกผลทุเรียนเบื้องต้น รุ่นที่ 1 ณ ห้องฝึกอบรม สำนักงานเกษตรจังหวัดตราด อ.เมือง จ.ตราด ก่อนเดินทางไปเยี่ยมชมสวนทุเรียนของเกษตกร (นางวิรัตน์ อินทสุวรรณ) ต.ห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานระดับจังหวัด ณ จุดคัดกรองทุเรียนจังหวัดตราด