นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ชัยนาท (สศท.7) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการติดตามการดำเนินงานของ กลุ่มผลิตข้าวนาแปลงใหญ่ช้างไทยงาม ตำท่าช้าง อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี นับเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ที่เข้มแข็งและประสบผลสำเร็จในการรวมกลุ่มผลิตข้าวแบบครบวงจร ซึ่งได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการผลิตข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่าและความยั่งยืน จนได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP อีกทั้งกลุ่มแปลงใหญ่ ยกระดับแหล่งผลิตเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการผลิตข้าว โดยในแต่ละปีมีหน่วยงานราชการ นักเรียน นักศึกษา เกษตรกรทั่วไป รวมถึงกลุ่มแปลงใหญ่ทั้งในและต่างจังหวัด เข้ามาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง
จากการติดตามของ สศท.7 พบว่า กลุ่มผลิตข้าวนาแปลงใหญ่ช้างไทยงาม เริ่มรวมกลุ่มเกษตรกรและเข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เมื่อปี 2562 พื้นที่ปลูกรวม 997 ไร่ สมาชิก 36 ราย มีนายประสงค์ คำวีระ เป็นประธานแปลงใหญ่ โดยกลุ่มมีการบริหารจัดการแปลงอย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งมั่นขยายผลเพื่อยกระดับศักยภาพการผลิตการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อมาในปี 2564 กลุ่มได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในชื่อ “ห้างหุ้นส่วนจำกัดแปลงใหญ่ช้างไทยงาม” และเข้าร่วมโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ได้รับการสนับสนุนโรงอบลดความชื้นข้าวเปลือกพร้อมเครื่องอบขนาด 6 ตัน จำนวน 2 เครื่อง สำหรับใช้อบลดความชื้นข้าวเปลือกก่อนจำหน่ายและจัดเก็บเป็นเมล็ดพันธุ์ หรือแปรรูปเป็นข้าวสาร ซึ่งการอบลดความชื้นสามารถควบคุมความชื้นให้อยู่ในระดับตามต้องการ คุณภาพข้าวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งลดการแตกหักของเมล็ดข้าว ช่วยแก้ปัญหาเมล็ดข้าวเหลือง เมล็ดพันธุ์มีเปอร์เซ็นต์ การงอกที่ดีขึ้น นับว่าเป็นการรักษาคุณภาพของข้าวเปลือก และส่งผลให้ราคาจำหน่ายสูงขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มได้ให้บริการเครื่องอบลดความชื้นแก่สมาชิกกลุ่มและเกษตรกรทั่วไป ในราคา 800 – 1,000 บาท/ตัน
จาการสำรวจเกษตรกรกลุ่มผลิตข้าวนาแปลงใหญ่ช้างไทยงาม ซึ่งเกษตรกรจะผลิตข้าวพันธุ์ กข 79 โดยในปีเพาะปลูก 2565/66 พบว่า เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยรายละ 5,005.91 บาท/ไร่/รอบการผลิต ผลผลิตเฉลี่ย 812 กิโลกรัม/ไร่/รอบการผลิต เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7,194.32 บาท/ไร่/รอบการผลิต และผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) เฉลี่ย 2,188.41 บาท/ไร่/รอบการผลิต โดยเกษตรกรจะจำหน่ายข้าวเปลือกให้โรงสี และลานรับซื้อในพื้นที่ ณ ความชื้น 25% ราคาเดือนเมษายน 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 8,860 บาท/ตัน หรือ 8.86 บาท/กิโลกรัม ทั้งนี้ หากเกษตรกรนำข้าวเปลือกมาอบลดความชื้นก่อนสีเป็นข้าวสารหรือจำหน่าย น้ำหนักของข้าวเปลือกจะลดลง ความชื้นจะอยู่ที่ 14% เกษตรกรสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงขึ้นเป็น 12 บาท/กิโลกรัม โดยข้าวเปลือกหลังอบลดความชื้นส่วนใหญ่เกษตรกรจะจำหน่ายให้กับกลุ่ม ซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8,497.74 บาท/ไร่/รอบการผลิต และผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) เฉลี่ย 2,842.23 บาท/ไร่/รอบการผลิต
ด้านการดำเนินงานของกลุ่มผลิตข้าวนาแปลงใหญ่ช้างไทยงาม ทางกลุ่มเป็นผู้รับซื้อข้าวเปลือกหลังอบลดความชื้นของเกษตรกร และนำไปแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าเป็นข้าวสาร เมล็ดพันธุ์ และข้าวเปลือกอาหารสัตว์ โดยแบ่งการสัดส่วนการจำหน่ายคือ ผลผลิตร้อยละ 33.93 จำหน่ายเป็นเมล็ดพันธุ์ โดยกลุ่มจะอบลดความชื้นข้าวเปลือกเพิ่มให้เหลือความชื้นที่ 12% ราคาเมล็ดพันธุ์ที่จำหน่ายได้อยู่ที่ 16 บาท/กิโลกรัม , ผลผลิตร้อยละ 32.14 เป็นข้าวสารบรรจุถุงสุญญากาศ ขนาด 1 กิโลกรัม ราคา 50 บาท , ถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 100 บาท และกระสอบ ขนาด 50 กิโลกรัม ราคา 1,000 บาท ผลผลิตร้อยละ 17.86 เป็นข้าวเปลือกอาหารสัตว์ ราคา 12 บาท/กิโลกรัม และผลลิตร้อยละ 16.07 จำหน่ายเป็นข้าวเปลือก
“สำหรับปีนี้ เกษตรกรจะเริ่มทยอยปลูกข้าวนาปีช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 และจะเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ซึ่งนอกจากกลุ่มจะสามารถผลิตข้าวคุณภาพซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดได้อย่างดีแล้ว เกษตรกรในกลุ่มยังมีความสามัคคี และร่วมพัฒนาไปพร้อมกัน เป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจ เกษตรกรทั้งในและนอกกลุ่ม อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาส และสร้างเครือข่ายใหม่ ๆ ทั้งด้านการผลิต และการตลาด ให้แก่กลุ่มอีกด้วย ซึ่งในอนาคตกลุ่มมีเป้าหมายจะดำเนินการพัฒนาต่อยอดในส่วนของสถานที่จัดเก็บข้าวที่ผ่านการอบลดความชื้นแล้ว เพราะยังเป็นปัญหาที่ทำให้กลุ่มยังไม่สามารถผลิต และจัดเก็บสต๊อกผลผลิตข้าวที่ผ่านการอบลดความชื้นได้ในปริมาณมาก ทำให้ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการข้าวคุณภาพที่มีเข้ามาจากทั้งบริษัทเอกชนหรือแหล่งรับซื้อขนาดใหญ่ได้ดีเท่าที่ควร หากท่านใดสนใจข้อมูลสถานการณ์การผลิตและตลาด สามารถสอบถามเพิ่มได้ที่ นายประสงค์ คำวีระ เป็นประธานแปลงใหญ่กลุ่มผลิตข้าวนาแปลงใหญ่ช้างไทยงามตำท่าช้าง อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี โทร 08 9614 6581หรือ สศท.7 โทร. 0 5640 5005 อีเมล์ zone7@oae.go.th” ผู้อำนวยการ สศท.7 กล่าวทิ้งท้าย