กรมส่งเสริมการเกษตร หนุนเครือข่ายศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรและเครือข่ายแปลงใหญ่ เพิ่มทักษะให้เกษตรกรในทุกมิติ ทั้งกระบวนการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต บริหารจัดการสินค้า การตลาด การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ นำไปสู่การเป็น Smart Farmer และยกระดับเป็นผู้ประกอบการในอนาคต
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงแนวนโยบายความร่วมมือระหว่างเครือข่าย ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และเครือข่ายแปลงใหญ่ เพื่อยกระดับและพัฒนาภาคเกษตรในทุกมิติว่า ศพก. และแปลงใหญ่ มีพันธกิจร่วมกันในการคิดค้นนวัตกรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับใช้ในภาคการเกษตร ร่วมกันสร้างทักษะและเทคนิคให้เกษตรกรเป็นผู้นำที่มีคุณภาพ เป็น Smart Farmer ยกระดับจากเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการ สามารถพึ่งพาตัวเองได้ เป็นศูนย์กลางการบูรณาการเชื่อมโยงกับเครือข่ายครอบคลุมหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน พร้อมทั้งสร้างทายาทให้สืบทอดอาชีพทางการเกษตรสู่ความยั่งยืน
นอกจากนี้ ศพก. และแปลงใหญ่ จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานบูรณาการในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะระดับอำเภอที่ตั้ง ศพก. เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานงานถ่ายทอดองค์ความรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ขยายผลสู่ชุมชนในการสร้าง ความมั่นคงทางอาหาร ความยั่งยืนของทรัพยากร ความเสถียรภาพทางสังคม และความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ให้ภาคการเกษตรนำไปสู่ 3 สูง ได้แก่ ประสิทธิภาพสูง มาตรฐานสูง และรายได้สูง นอกจากนี้ยังจะยึดโยงกับ BCG Model (Bio Economy – Circular Economy – Green Economy) ซึ่งทั้งหมดคือพันธกิจความร่วมมือระหว่าง ศพก. และแปลงใหญ่ในปัจจุบันและในอนาคต
ด้าน นายสายชล จันทร์วิไร ประธานคณะกรรมการเครือข่าย ศพก. ระดับประเทศ กล่าวว่า บทบาทของศูนย์ ศพก. ทั้ง 882 ศูนย์ทั่วประเทศ ที่ผ่านมา ได้มีการอบรมความรู้ให้เกษตรกรทั่วประเทศเกี่ยวกับการลดต้น และเพิ่มผลิต โดยเน้นให้เกษตรกรลดการใช้ปุ๋ยเคมี แล้วหันมาใช้ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยอินทรีย์แทน เพื่อลดรายจ่ายจากการซื้อปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงขึ้น นอกจากนี้ยังเน้นให้เกษตรกรผลิตสินค้าปลอดภัย อย่างน้อยให้ได้มาตรฐาน GAP เพื่อให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในสินค้าเกษตร ขณะเดียวกันยังเน้นให้เกษตรกร นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต เพื่อลดการจ้างแรงงาน เช่น ระบบน้ำอัจฉริยะ การทำเกษตรแม่นยำ การใช้โดรนมาช่วยในการฉีดพ่นสารต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช การใช้รถแทรกเตอร์ หรือรถไถ เป็นต้น
“ศพก. มีหน้าที่หนุนเสริมและให้องค์ความรู้กับเกษตรกรแปลงใหญ่ให้มีความรู้และทักษะเพิ่มขึ้นในการทำการเกษตร พร้อมนำการตลาดมาช่วยระบายสินค้า และใช้หลักการตลาดนำการผลิต เพื่อให้เกษตรกรวางแผนการผลิต สินค้าได้เอง ป้องกันสินค้าล้นตลาด และราคาตกต่ำ รวมถึงสามารถจำหน่ายสินค้าได้ด้วยตัวเอง เกิดความเข้มแข็ง ยั่งยืน และนำไปสู่การยกระดับเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการในอนาคต”
ด้าน นายสมเกียรติ ทองพันธ์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายแปลงใหญ่ระดับประเทศ กล่าวว่า แปลงใหญ่ทั่วประเทศที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร มีจำนวน 9,912 แปลง มีเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 5 แสนราย มีพื้นที่ปลูกเกือบ 10 ล้านไร่ โดยที่ผ่านมา แปลงใหญ่ทำงานร่วมกับ ศพก. อย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาและเพิ่มทักษะให้กับเกษตรกรในการลดต้นทุน การเพิ่มผลผลิต การบริหารจัดการแปลง การแปรรูปสินค้า และการตลาด ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำการเกษตรสมัยใหม่ และเมื่อมีการบริหารจัดการที่ดีในการทำการเกษตรและมีผลตอบแทนที่คุ้มทุน จะมีคนรุ่นใหม่หันมาสนใจการทำเกษตรเพิ่มขึ้นและต่อยอดเป็นผู้ประกอบการได้ในอนาคต
“นอกจากผมเป็นประธานคณะกรรมการเครือข่ายแปลงใหญ่ระดับประเทศแล้ว ยังเป็นประธานแปลงใหญ่ ปาล์มน้ำมันในจังหวัดพัทลุงด้วย โดยมีสมาชิก 68 ราย พื้นที่ปลูกกว่า 800 ไร่ สมาชิกส่วนใหญ่มีรายได้ที่มั่นคง เพราะการรวมกลุ่มกันทำให้สามารถต่อรองราคากับโรงงานที่รับซื้อได้ โดยได้ราคาที่มากกว่าท้องตลาดจำนวน 30 สตางค์ เนื่องจากทางกลุ่มมีผลผลิตจำนวนมาก ถือเป็นข้อดีหรือจุดแข็งของเกษตรแปลงใหญ่ และเชื่อว่าจะสามารถขยายผลไปยังแปลงใหญ่อื่นๆ ได้ ในเรื่องการกำหนดราคาได้เอง” ประธานคณะกรรมการเครือข่ายแปลงใหญ่ระดับประเทศ กล่าว